Star Ocean: The Second Story
สตาร์ โอเชียน: เดอะ เซคันด์ สตอรี่
บทสรุปเกม
WALKTHROUGH
Star Ocean: The Second Story [Chapter 1-2]
Star Ocean: The Second Story
คล็อดและเรน่าเดินทางขึ้นเหนือไปยังเมืองครอส เมืองใหญ่ที่ปราสาทราชวังตั้งเด่นเป็นสง่า เนื่องจากกว่าจะถึงก็ค่ำแล้ว เรน่าจึงพาคล็อดไปที่โรงแรมซึ่งเป็นป้าของเธอ หลังจากถูกเข้าใจผิดว่ามาฮันนิมูนกันจึงถูกจับมาอยู่ห้องเดียวกัน (แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก) รุ่งเช้าทั้งคู่ก็เดินทางเข้าปราสาท ระหว่างทางบังเอิญเดินสวนกับชายหนุ่มนิรนามผู้หนึ่งที่เหมือนคนปกติทุกอย่างยกเว้น...เขามีสามตา (เดี๋ยวจะมีบทในภายหลัง)
ปราสาทและราชาที่นี่ดูจะแตกต่างจากที่อื่นเป็นพิเศษ เนื่องจากพระราชาจะยอมพบกับแขกทุกคนที่เข้าหา เพียงท่านลงทะเบียนที่รีเซปชั่น (อารมณ์เหมือนหาหมอที่โรงพยาบาลเลย) คล็อดแลเรน่าต่อคิวอันยาวเหยียดไปจนถึงแผนกต้อนรับ และด้วยเอกสารจากผู้เฒ่าหัวหน้าหมู่บ้านอาเลีย คล็อดและรน่าจึงได้คิวพิเศษไปพบพระราชาทันที
พระราชาทักทายเรน่าอย่างคนคุ้นเคย เรน่าแจ้งความจำนงค์ว่าต้องการเดินทางไปยังทวีปแอลเพื่อสำรวจลูกโลกเวทมนตร์ พระราชาเตือนถึงอันตรายแต่ก็ประทับใจในความแน่วแน่ของทั้งสองจึงกล่าวชมเชยยกใหญ่และมอบใบรับรองให้ พร้อมทั้งเงินอีกเล็กน้อย (เล็กน้อยจริงๆ เป็นถึงราชาให้มาแค่ 600) ทั้งคู่คุยกับราชาโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีหญิงสาวลึกลับแอบดูอยู่ไม่ไกล
ทั้งสองได้รับเป้าหมายให้ไปยังเมืองท่าคูริกเพื่อขึ้นเรือข้ามทวีป แต่ระหว่างที่เดินอยู่ภายในเมืองครอสก็พบนักเวทย์สองคนทะเลาะกัน เป็นนักเวทย์ชายผู้หยาบคายและนักเวทย์หญิงผู้ยั่วยวน ทั้งสองมีปากเสียงและจบลงด้วยกำลัง คล็อดเห็นเข้าจึงไปแทรกเพื่อปกป้องนักเวทสาว (หล่อจริงพ่อหนุ่ม) แต่นักเวทชายตัวประกอบไม่ใช่คู่มือนักเวทหญิงแม้แต่น้อยถึงกับพ่ายแพ้อย่างหมดรูป หลังจากนักเวทชายก่นด่าก่อนจะหนีหางจุกตูดไป เหล่าชาวเมืองครอสมุงก็แยกย้ายกันไป นักเวทสาวเข้ามาขอบคุณคล็อดพร้อมทั้งแนะนำตัวว่านางชื่อเซลีน เซลีนประทับใจในตัวคล็อดจึงชวนคล็อดให้ไปทำภารกิจล่าสมบัติร่วมกัน คล็อดและเรน่าคิดว่าอาจจะได้อะไรดีๆกลับมาก็ได้จึงตอบตกลง
ทั้งสามเดินทางไปยังถ้ำครอสที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองนัก เซลีนใช้แผนที่สมบัติที่ได้มานำทางไปจนสุดทางแต่กลับพบทางตัน ระหว่างที่กำลังงมหาทางไปต่อคล็อดก็สังเกตว่าในแผนที่มีคำใบ้เล็กๆที่ยากสังเกต เซลีนจึงร่ายเวทตามคำแนะนำนั้นและสามารถเปิดทางลับได้ ภายในมีสมบัติล้ำค่ามากมายแต่กลับมีหีบสมบัติใบหนึ่งเป็นกับดักที่สองปีศาจล่อเหยื่อผู้โชคร้าย แต่แล้วผู้โชคร้ายก็กลับเป็นปีศาจสองตัวนั้นแทน หลังกำจัดปีศาจและเก็บสมบัติต่างๆมาได้ เซลีนก็ได้พบกับของที่ต้องการคือบันทึกโบราณ ทว่าเป็นภาษาที่อ่านไม่ออกเซลีนจึงเลือกเก็บไว้เพื่อหาทางแปลในภายหลัง เมื่อออกจากถ้ำคล็อดพยายามชวนเซลีนมาเข้าพวก เซลีนถามว่าแน่ใจเหรอพร้อมหันไปมองเรน่าที่สีหน้าไม่ดีนัก (ตรงนี้จะเลือกได้ว่าจะรับเซลีนมาเข้าพวกได้หรือไม่ แต่ถ้ารับแล้วก็จะไม่สามารถถอดออกได้อีก ในที่นี้ผู้แปลเลือกปฏิเสธไป)
หลังจากปฏิเสธและแยกทางกับนักเวทย์สาวเซลีน คล็อดและเรน่าก็เดินทางขึ้นเหนือต่อจนมาถึงเมืองท่าคูริก ที่ลานน้ำพุกลางเมืองทั้งสองได้พบกับหญิงสาวลึกลับนามฟีเลียที่พยายามบอกทุกคนว่าเมืองแห่งนี้กำลังจะพบกับหายนะให้ทุกคนรีบหนีออกจากเมืองโดยด่วน แต่ไม่มีใครสนใจแม้แต่น้อย ทั้งสองเดินต่อไปหากับตันเรือพร้อมส่งมอบใบอณุญาตที่ได้รับมาจากพระราชา กับตันตกใจเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าหนุ่มสาวอายุน้อยคู่นี้จะมีใบอนุญาตจริงๆ กับตันเรืออนุญาตให้ทั้งคู่เดินทางด้วยได้แต่ต้องรอเรือพร้อมอีกสักพัก ทั้งคู่จึงเดินเล่นฆ่าเวลาในเมือง ทว่าระหว่างที่ชมนกชมไม้อยู่นั้น เด็กลึกลับคนหนึ่งก็วิ่งชนคล็อดจนล้มหัวคะมำและวิ่งหนีหายไป เมื่อคล็อดคืนสติจึงพบว่าเงินที่มีหายไปเกลี้ยง ทั้งสองเชื่อว่าต้องเกี่ยวข้องกับเด็กเวรเมื่อครู่แน่นอนจึงออกตามหาทันที
คล็อดและเรน่าตามไปจนพบเด็กน้อยที่ยืนลับๆล่อๆอยู่คนเดียว คล็อดรีบเข้าไปทวงเงินทันที เด็กน้อยก็ปฏิเสธคอเป็นเอ็น แต่เรน่าใช้วิธีละมุนละม่อมจนเด็กน้อยยอมใจอ่อนและคืนเงินให้ เด็กน้อยแนะนำตัวว่าชื่อเคทิล เป็นลูกคนรวยในเมืองนี้ เขาไม่ได้เดือดร้อนเงินแต่เพราะไม่มีใครเล่นกับเขาเลย เขาใฝ่ฝันอยากเป็นนักเดินเรือผู้กล้าหาญจึงมาทำอะไรแบบนี้ (มันเกี่ยวกันตรงไหนละเนี่ย..) คล็อดจึงเสนอให้เคทิลเป็นไกด์พาชมเมืองให้หน่อย เคทิลยินดีและพาทั้งสองเดินชมไปทั่ว (ทั้งที่คล็อดกับเรน่าเพิ่งเดินทั่วหมดแล้วแต่ก็ทำเนียนไม่รู้จ้กสถานที่และให้เคทิลแนะนำ) สุดท้ายคล็อดพาเคทิลไปหาเหล่าเด็กๆที่เล่นกันอยู่และชวนให้เด็กๆมาเล่นกับเคทิล ที่จริงแล้วเด็กๆก็อยากเล่นกับเคทิลแต่เคทิลเป็นคนเก็บทรงเลยไม่มีใครกล้าชวน เคทิลก็ไม่กล้าเข้าหา แต่สุดท้ายเด็กๆทั้งหมดก็เคลียร์ใจและเล่นกันอย่างสนุกสนาน
คล็อดและเรน่ากลับไปหากับตันเรือเพื่อเตรียมตัวเดินทาง แต่ทันใดนั้นเองที่ใต้พื้นกลับปรากฏแรงสั่นสะเทือน ฉ้บพลันบังเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ ทุกพื้นที่ในเมืองทรุดลงไปทันใด คล็อดและเรน่าหนีตามเหล่าชาวเมืองไปยังหอประภาคารซึ่งเป็นอาคารที่สูงที่สุด ชาวเมืองส่วนใหญ่หนีรอดมาได้แต่ก็ต้องพบเมืองทั้งเมืองค่อยๆทรุดจมลงสู่ก้นทะเลต่อหน้าต่อตา อาคารบ้านเรือน ร้านรวงทั้งหลาย ทั้งเมืองตอนนี้เหลือเพียงแต่น้ำ!!
คล็อดพบกับตันเรือที่รอดมาได้ ทว่าเรือทั้งลำและลูกเรือของเขาจมสู่ใต้น้ำหมดสิ้น กับตันเรือไม่มีทางเลือกอื่นจึงคืนใบอนุญาตที่คล็อดได้จากพระราชา พร้อมทั้งแนะนำว่าอีกวิธีในการไปยังทวีปแอลคือนั่งเรือจากท่าเรือฮาร์เลย์ทางชายฝั่งตะวันออกไปยังเมืองลาคัวร์ในอีกทวีปหนึ่ง และโดยสารเรือไปทวีปแอลจากที่นั่น
คล็อดและเรน่าเดินทางต่อไปยังเมืองท่าเรือฮาร์เลย์ โดยระหว่างทางได้แวะพักที่หมู่บ้านจอมเวทย์มาส ทั้งสองได้พบกับเมจสาวเซลีนอีกครั้งซึ่งเซลีนเป็นคนจากหมู่บ้านนี้เอง เซลีนชวนทั้งสองเข้าร่วมการประชุมอันตึงเครียดของหมู่บ้านซึ่งตอนนี้ประสบวิกฤติที่มีโจรลักพาตัวเด็กๆในหมู่บ้านไป เหล่าคนที่ออกตามหาเด็กก่อนหน้านี้ก็หายสาปสูญ โชคดีที่มีนักเวทย์ผู้หนึ่งหนีรอดจากโจรมาส่งข่าวได้ ก่อนหน้านี้หมู่บ้านได้เชิญนักดาบผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมาร่วมด้วย ซึ่งกลับกลายเป็นว่านักดาบผู้นี้คือดิอาส เพื่อนสมัยเด็กของเรน่าที่มาจากหมู่บ้านเดียวกัน
ดิอาสเป็คนพูดน้อยและชอบเดินทางคนเดียว เขาดูเป็นคนหยิ่งยโสไม่น้อย เขากล่าวในที่ประชุมว่าจะเดินทางไปช่วยเด็กเพียงคนเดียวโดยปฏิเสธการร่วมงานกับเซลีน ดิอาสออกจากที่ประชุมกลางคันพร้อมกำชับว่าพรุ่งนี้เช้าตนจะออกไปช่วยเหลือเด็กเองไม่ต้องให้ใครเดินทางมาเป็นภาระด้วย เรน่าเห็นดังนั้นจึงออกจากที่ประชุมไปตามดิอาส ท่ามกลางบรรยากาศมาคุ คล็อดที่ไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเรน่าและดิอาสรู้สึกไม่ค่อยดีนัก (อิจฉาแหละ)
เมื่อทั้งหมดจบการประชุม เรน่าเดิกลับมาหาคล็อดและบอกว่าสามารถเจรจาให้ดิอาสร่วมทางด้วยได้แล้ว คล็อดที่ยัคงไม่สบอารมณ์จึงบอกว่าเราไม่เห็นจำเป็นต้องมีดิอาสด้วยเลย เรน่าได้ยินดังนั้นก็ปรี๊ดแตกและบอกว่าคล็อดอาจจะไม่ต้องการดิอาส แต่เรน่าต้องการ ว่าแล้วเรน่าก็แยกตัวออกและไปหาดิอาสทันที คล็อดเห็นดังนั้นยิ่งน้อยอกน้อยใจ เซลีนจึงกล่อมว่าเราไปกันสองคนก็ได้ คล็อดตอบรับโดยที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าใดนัก
รุ่งเช้าคล็อดและเซลีนออกจากหมู่บ้านโดยพบว่าเรน่าและดิอาสล่วงหน้าไปก่อนแล้ว เหล่าผู้ใหญ่รวมถึงพ่อแม่ของเซลีนกล่าวกำชับว่าภารกิจที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของเด็กๆที่เป็นตัวประกัน โดยเหล่าผู้ใหญ่จะเป็นคนอยู่เฝ้าหมู่บ้านเอง คล็อดและเซลีนเข้าไปยังป่าหลังหมู่บ้านซึ่งกลุ่มโจรกบดานอยู่และเจอฝูงโจรตามรายทาง เมื่อไปถึงส่วนลึกของป่ากลับพบนักเวทย์ในหมู่บ้านที่เป็นคนหนีโจรมาส่งข่าวในหมู่บ้านก่อนหน้านี้ แท้จริงแล้วเขานี่แหละคือหัวหน้าโจรที่แฝงตัวมาเพื่อต้องการขโมยจารึกลับของหมู่บ้าน เขาลอบโจมตีพ่อของเซลีนตอนเผลอและหนีกลับมาในป่า เซลีนที่จิตใจว้าวุ่นเข้าโจมตีหัวหน้าโจรทันที ทว่าโจรผู้นี้กลับมีศิลาสีเขียวแบบเดียวกับที่คล็อดเคยเจอ มันเปลี่ยนร่างหัวหน้าโจรให้กลายเป็นยักษ์น้ำแข็งดุร้าย แต่ทั้งสองก็กำจัดหัวหน้าโจรลงได้
คล็อดตั้งใจจะรีบกลับหมู่บ้านไปดูพ่อของเซลีน แต่เซลีนที่ตั้งสติได้กล่าวว่าเราต้องไปต่อเพราะเป้าหมายหลักของเราคือช่วยเด็ก ขณะนั้นเองเรน่ากลับเดินมาจากด้านในป่าอีกทางและพบกับคล็อดเข้าพอดี เรน่าและดิอาสได้ช่วยเด็กสำเร็จแล้ว ระหว่างที่ทั้งหมดกำลังจะกลับ ดิอาสจู่ๆก็เดินเข้ามาหาคล็อดและสำรวจรอบๆ เขาทึ่งที่คล็อดสามารถสังหารยักษ์น้ำแข็งลงได้ และกล่าวกับคล็อดว่า ที่เรน่าบอกไว้ไม่มีผิดพลาดจริงๆ
ทั้งหมดกลับมาที่หมู่บ้านด้วยความรวดเร็ว เคราะห์ดีที่เรน่ากลับมาช่วยเหลือพ่อของเซลีนได้ทัน ผู้ใหญ่บ้านถึงกับตะลึงกับเวทย์รักษาของเรน่า หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านนักเวทย์ก็จริงอยู่ แต่กลับไม่ปรากฏเวทย์สายรักษาเลยแม้แต่น้อย (จริงๆเซลีนก็เคยประหลาดใจตั้งแต่ก่อนหน้านี้) ดูเหมือนว่าคนในโลกนี้จะไม่มีใครใช้เวทย์รักษาได้เลย แต่เหตุใดเล่าเรน่าสามารถทำได้ คล็อดที่ยังงอนๆกับเรน่าอยู่ก็ทำให้เรน่าปรี๊ดแตกอีกครั้ง เรน่าบอกว่าเธอไม่มีพี่ชายจึงมองดิอาสเป็นพี่ชายเท่านั้น เธอไม่โอเคที่คล็อดคิดว่าเธอกับดิอาสมีความสัมพันธ์แบบอื่น สุดท้ายคล็อดและเรน่าก็เคลียร์ใจกันและมาร่วมทางกันตามเดิม
วันต่อมาคล็อดและเรน่าจึงร่ำลาเซลีนกับคนในหมู่บ้าน เดินทางไปยังเมืองท่าฮาร์เลย์ซึ่งอยู่สุดขอบตะวันออกของทวีป เมื่อมาถึงทั้งสองได้พบกับรีล โอตาคุตกปลาที่เราสามารถแลกปลากับสิ่งของต่างๆได้ (ตกได้หลายชนิดไม่ซ้ำกันมีรางวัลให้ด้วย) เมื่อเสร็จธุระแล้วคล็อดกับเรน่าก็ขึ้นเรือโดยมีเป้าหมายไปยังลาคัวร์ ทวีปทางตะวันออก
-- จบบทที่ 1-2
Star Ocean: The Second Story | [Chapter 1-1] | [Chapter 1-2] | [Chapter 1-3] | [Chapter 1-4] | [Chapter 1-5] | [Chapter 2-1] | [Chapter 2-2] | [Chapter 2-3] | [Chapter 2-4] | [Chapter 2-5] (บทสุดท้าย) |