Star Ocean: The Second Story
สตาร์ โอเชียน: เดอะ เซคันด์ สตอรี่
บทสรุปเกม
WALKTHROUGH
Star Ocean: The Second Story [Chapter 2-3]
Star Ocean: The Second Story
รุ่งเช้าแห่งวันตัดสินชะตากรรมก็ได้มาถึง
วันนี้ที่คล็อดและคณะจะร่วมมือกับกองกำลังป้องกันตนเองในการบุกเมืองไซนาร์ดซึ่งเป็นฐานที่มั่นของสิบผู้ทรงปัญญา ทว่าเมืองไซนาร์ดนั้นถูกปกคลุมด้วยบาเรียอันแข็งแกร่งที่ไม่มีสิ่งใดฝ่าทำลายได้ บาเรียนั้นครอบคลุมทั้งใต้ฟ้าบนเดินรวมถึงใต้น้ำเป็นระยะทางกว่าร้อยเมตร ด้วยปราการที่เหมือนจะไร้ช่องโหว่นี้จึงทำให้นอลคิดแผนพิศดารขึ้น
นั่นคือการโดยสารเฮอรัช วาฬชีวสังเคราะห์ขนาดใหญ่ที่ใช้สำหรับภารกิจสำรวจใต้น้ำโดยเฉพาะนำทุกคนบุกทางใต้ทะเลอันเป็นช่องโหว่เดียวของบาเรีย ทุกอย่างสำเร็จตามแผนด้วยความราบรื่นและเข้าเทียบท่าในพื้นที่ด้านในบาเรีย ทุกคนเร่งเดินทางต่อไปยังเมืองไซนาลทันที
ด้านในทุกคนได้พบกับสามคนจากสิบผู้ทรงปัญญาซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นบุรุษผมยาวสีแดงที่ดูโหงวเฮ้งแล้วน่าจะเป็นหัวหน้าใหญ่ พวกเขาหัวเราะว่าทุกคนเข้ามาติดกับเพราะแผนการของสิบผู้ทรงปัญญานั้นบรรลุแล้ว พวกเขาเตรียมอาวุธทำลายล้างที่สาปสูญจากชาวนีเดียนมาแสนนานเรียกว่า "ตราสัญลักษณ์แห่งการทำลายล้าง" เมื่อมีสิ่งนี้พวกเขาก็พร้อมแล้วที่จะยึดครองทั้งกาแล็กซี่ พวกคล็อดโต้กลับว่า ทางสมาพันธ์อวกาศจะไม่นิ่งเฉยแน่นอน สิบผู้ทรงภูมิหัวเราะเพราะอาวุธใดๆของสมาพันธ์ก็ไม่อาจเจาะทะลวงบาเรียอันแข็งแกร่งของพวกเขา แต่อาวุธที่พวกเขามีสามารถทำลายยานอวกาศได้ไม่ต่างกับกระดาษ และพร้อมจะแสดงพลานุภาพสุดยอดอาวุธของพวกเขา
ทันใดนั้นบนพื้นก็ปรากฏเป็นภาพฉายอวกาศเบื้องนอก คล็อดเห็นก็ตกใจสุดขีดเพราะภาพนั้นคือยานอวกาศของโรนิกส์ บิดาของคล็อดเอง ชายผมแดงสั่งการยิงปืนใหญ่มหาประลัยทันที ตัดภาพมาที่ยานอวกาศ จู่ๆก็ปรากฏลำแสงพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว บาเรียของยานรบป้องกันลำแสงไว้ได้แต่ก็สูญเสียเกราะไปทีเดียว 30%
ตัดภาพมาที่คล็อด เขาร้องตะโกนให้พวกสิบผู้ทรงปัญญาหยุดเถอะ แต่นั่นเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น ชายผมแดงสั่งการต่อว่าลองเพิ่มพลังปืนใหญ่ขึ้นเป็น 30% ครานี้เมื่อปืนใหญ่ยิงมา บาเรียของยานอวกาศต้านทานสุดกำลังจนเหลือเพียง 22% เท่านั้น ไม่มีความสามารถจะรับพลังได้อีกแม้แต่ครั้งเดียว โรนิกส์สั่งการให้ยิงปืนใหญ่สวนกลับบ้าง แต่อนิจจา เมื่อลำแสงที่ถูกยิงมาอีกครั้งมีขนาดมโหฬารปกคลุมทั่วทั้งยาน ยานอวกาศไม่เหลือกำลังจะต่อต้านอีกต่อไป เมื่อแสงสว่างค่อยๆจางหาย ก็ไม่เหลือร่องรอยของยานอวกาศอีกแล้ว...
คล็อดร้องตะโกนอย่างสิ้นหวัง เขาเคียดแค้นถึงขีดสุด สาบานว่าพวกมันต้องชดใช้ ต้องกำจัดเหล่าสิบผู้ทรงปัญญาให้หมดสิ้นทุกคน ทันใดนั้นสิบผู้ทรงปัญญาอีกคนหนึ่งนามซัฟคิเอลก็ปรากฏตัวต่อหน้าคล็อด เป็นชายร่างใหญ่ผมขาวยาวสลวย (ดูก็รู้ว่าบ้าพลังแน่ๆ) แต่ชายผู้นี้ก็มิได้มุทะลุ เขาเรียกทัพหุ่นยนต์สู้รบมารับมือกับพวกคล็อดและกองกำลังป้องกันตนเอง คล็อดฝ่าทัพหุ่นยนต์เข้าไปสู้กับซัฟคิเอลโดยตรงแต่ทั้งหมดก็พ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว พวกคล็อดไม่อาจทำร้ายซัฟคิเอลได้แม้แต่บาดแผลเดียว นอลเห็นท่าไม่ดีจึงสั่งทุกคนถอยทัพทันที ซัฟคิเอลไม่ปล่อยให้ผู้ใดหนีรอด เขาพุ่งเข้าหากลุ่มคล็อดหวังสังหารให้สิ้น แต่มาริแอนนา หัวหน้ากองกำลังป้องกันตัวเองเข้ามาขัดขวาง นางใช้ตัวเองถ่วงเวลาเพื่อให้กลุ่มคล็อดหนีรอดมาได้
กลับมาที่ว่าการเมือง ทุกคนผ่านค่ำคืนอย่างเงียบงัน ศึกครั้งแรกพวกเขาพ่ายแพ้อย่างหมดรูป กองกำลังป้องกันตนเองถูกทำลาย นอลเชื่อว่าความพ่ายแพ้นี้มิได้หมายความว่าพวกคล็อดอ่อนแอกว่าสิบผู้ทรงปัญญา เพียงแต่พวกคล็อดยังขาด "อุปกรณ์" ที่เหมาะสมเท่านั้น นอลกล่าวว่าถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะต้องไปเยี่ยม "ศูนย์วิจัยอาวุธตราสัญลักษณ์" เสียหน่อย และพวกคล็อดก็ได้เห็นพลานุภาพของอาวุธตราสัญลักษณ์ด้วยตาตนเองมาชิ้นหนึ่งแล้ว นั่นคือ "ตราสัญลักษณ์แห่งการทำลายล้าง" ที่ใช้ทำลายยานอวกาศของพ่อคล็อด เป็นหนึ่งในอาวุธต้องห้ามที่พวกสิบผู้ทรงปัญญาขโมยไป พลังทำลายล้างนั้นเรียกได้ว่าสั่นคลอนได้ทั้งจักรวาล
นอลจะหาทางหยุดยั้งตราสัญลักษณ์แห่งการทำลายล้างนั้นให้ ส่วนหน้าที่ของพวกคล็อดคือการหยุดยั้งเหล่าสิบผู้ทรงปัญญาให้ได้ ในตอนนี้นอลขอให้พวกคล็อดล่วงหน้าไปยังเมืองอาร์มล็อคก่อน เขาจะจัดการบางเรื่องแล้วจะตามไป
คล็อดมาถึงเมืองอาร์มล็อคแล้วพบว่านอลได้มารออยู่ก่อนแล้ว (สงสัยเราเถลไถลมากไปหน่อย) ที่นั่นนอลได้พาพวกคล็อดมายังประตูบานหนึ่งที่ถูกปิดผนึกแน่นหนา ด้านในเป็นแท่นวาร์ปที่พาทุกคนมายังซากอาคารที่หลงเหลือของศูนย์วิจัยอาวุธตราสัญลักษณ์ เมื่อมาถึงเรน่ารู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด ด้านในนอลให้ทุกคนดูวิดีโอบันทึกชิ้นสุดท้ายของศูนย์วิจัยแห่งนี้
เหตุการณ์เกิดขึ้นในห้องวิจัยที่กำลังจะถูกทำลาย หัวหน้านักวิจัยนามรีมาได้ให้ผู้ช่วยเรียกลูกสาวของตนมา รีมามอบสร้อยคอเส้นหนึ่งให้ลูกสาวก่อนที่จะเสี่ยงให้ลูกสาวเข้าไปในเครื่องบิดเบือนมิติเวลา แม้จะไม่เคยทดลองกับสิ่งมีชีวิตมาก่อนแต่นี่เป็นเพียงหนทางเดียวที่จะให้ลูกสาวของนางรอดจากการถล่มของศูนย์วิจัยได้ รีมาพูดกับกล้องบันทึกบอกรหัสลับในการเข้าถึงข้อมูลลับ ก่อนจะกอดลูกสาวไว้และเรียกชื่อเธอว่า "เรน่า"
...นี่คือบันทึกที่ทิ้งเอาไว้เมื่อ 700 ล้านปีก่อน และเรน่าคนนั้นก็คือเรน่าเดียวกันกับคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ นอลได้แต่คาดการณ์ว่าคงเป็นเพราะการบิดเบือนของมิติเวลาที่ทำให้เรน่าข้ามเวลามายังปัจจุบัน แม้เรน่าจะจำอะไรไม่ได้มากนัก แต่เธอก็แน่ใจว่าเหตุการณ์ในวิดีโอบันทึกคือเรื่องจริง เรน่าที่รับทุกอย่างไม่ไหวจึงวิ่งหนีไป คล็อดวิ่งตามไปเพียงลำพังและปลอบใจเรน่าจนรู้สึกดีขึ้น ระหว่างนั้นที่ห้องควบคุม นอลใช้รหัสที่ได้จากวิดีโอเพื่อเข้าถึงชิปบันทึกข้อมูลงานวิจัยที่ถูกเก็บไว้ซึ่งเป็นแบบแปลนอาวุธชนิดหนึ่ง
นอลพาทุกคนกลับมายังเมืองอาร์มล็อคและพาไปหามิราจ นักประดิษฐ์อัจฉริยะเพื่อขอให้มิราจใช้ชิปที่ได้มาสร้างอาวุธตามแบบแปลน มิราจตั้งใจจะปฏิเสธแต่เมื่อรู้ว่าตราสัญลักษณ์แห่งการทำลายล้างตกอยู่มือสิบผู้ทรงปัญญา มิราจจึงไม่มีทางเลือกและตกลงตามคำขอของนอล เมื่อนำข้อมูลออกมาดูก็พบว่าเป็นแบบแปลนของดาบเล่มหนึ่ง แต่มิราจบอกว่าพลังของมันสามารถทำลายดวงจันทร์ได้เลย
แต่การสร้างอาวุธชิ้นนี้ก็ยังขาดสิ่งหนึ่งนั่นคือวัตถุดิบหลัก "ลีอาเมทัล" และก็เป็นหน้าที่คล็อดเช่นเคยที่ต้องไปหามาให้ได้...
Star Ocean: The Second Story | [Chapter 1-1] | [Chapter 1-2] | [Chapter 1-3] | [Chapter 1-4] | [Chapter 1-5] | [Chapter 2-1] | [Chapter 2-2] | [Chapter 2-3] | [Chapter 2-4] | [Chapter 2-5] (บทสุดท้าย) |