คล็อดและผองเพื่อนกลับมายังมหานครลาคัวร์ แต่เมื่อก้าวมาด้านในกลับพบเมืองแห่งนี้ตกอยู่ในความโกลาหล และยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาใด ทหารที่เฝ้ากำแพงก็สั่งให้ทุกคนรีบอพยพไปในปราสาททันที

ด้านในปราสาทคล็อดเที่ยวถามคนต่างๆจนได้ความว่า ทวีปแอลแตกแล้ว ทัพอสูรทำลายเมืองทางนั้นจนสิ้นและหันเขี้ยวเล็บมายังเมืองลาคัวร์ ทั้งหมดจึงต้องเตรียมรับมือกับกองทัพอสูรที่ไม่รู้จะมาเวลาใด คล็อดเดินสำรวจภายในปราสาทจนบังเอิญพบกับการประชุมลับระหว่างพระราชาและนักวิจัยอีกสามสี่คน ทหารพยายามเข้ามาขับไล่แต่โบว์แมนก็แสดงตัวออกมา แท้จริงแล้วโบว์แมนเคยเป็นถึงหัวหน้านักวิจัยของราชวังแห่งนี้ แม้ภายหลังเขาจะถอนตัวไปด้วยเหตุใดไม่ทราบได้ แต่พระราชารวมถึงเหล่านักวิจัยก็มาต้อนรับทักทายโบว์แมนอย่างดี ยกเว้นแต่เด็กน้อยผู้หนึ่ง เขาคือลีออน เด็กอัจฉริยะที่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นนักวิจัยชั้นแนวหน้าตั้งแต่อายุยังน้อย เขาแสดงความดูแคลนโบว์แมนและกลุ่มคล็อดอย่างชัดเจนแม้พ่อแม่ของลีออนซึ่งเป็นนักวิจัยเช่นกันจะคอยห้ามปรามไว้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเด็กลีออนผู้นี้ช่างมีดวงตาอยู่เหนือศีรษะอย่างแท้จริง (คำเปรียบเปรยหมายถึงเย่อหยิ่งไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา)

แท้จริงแล้วอาณาจักรลาคัวร์ได้ทำการทดลองอาวุธมหาประลัยเพื่อเตรียมไว้รับมือทัพสัตว์อสูรโดยเฉพาะ ขนานนามว่า "ความหวังแห่งลาคัวร์" ทว่าอาวุชิ้นนี้ยังขาดส่วนประกอบสุดท้ายคือศิลาพลังงานซึ่งเป็นแร่หายากชนิดหนึ่ง ลือกันว่าอยู่ในซากโบราณสถานในเกาะโดดเดี่ยวที่ห่างไปไม่ไกลนัก ลีออนเสนอตัวรับภารกิจตามหาศิลาพลังงานชิ้นนี้เอง ส่วนคล็อดและเพื่อนก็จับพลัดจับผลูต้องรับภารกิจนี้ไปด้วย

ทั้งหมดนั่งเรือจากเมืองท่าฮิลตันจนมาถึงเกาะแห่งนั้น ที่นี่ไม่มีคนอยู่อาศัย มีเพียงป่ารกและโบราณสถานฮอฟแมนที่ถูกทิ้งร้าง ลีออนนำหน้าทุกคนเข้ามาในโบราณสถานโดยคุยโม้ตลอดทาง พวกคล็อดช่วงแรกก็ไม่ชอบหน้าลีออนผู้เย่อหยิ่งนี้เท่าใดนัก แต่เมื่อร่วมทางกันสักพักก็พบว่าลีออนผู้นี้เพียงแค่เป็น....เด็กหัวโปกคนหนึ่งที่พยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่เท่านั้น แท้จริงแล้วไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร และดูๆไปก็เริ่มเห็นมุมน่ารักอยู่ไม่น้อย

ด้านในโบราณสถานฮอฟแมน กลุ่มคล็อดต้องไขปริศนาระเบิดกำแพงที่ซับซ้อน ต้องฝ่าดงสัตว์ประหลาดท่ามกลางพื้นที่ด้านในที่ไม่ต่างกับเขาวงกต สุดทางทุกคนก็พบศิลาพลังงานที่ตามหา ลีออนอารมณ์เบิกบานและเรียกทุกคนให้มาดู แต่ที่นี่ก็ไม่แคล้วมีอสูรเฝ้าสมบัติตามเคย มันจู่โจมทางด้านหลังลีออนที่ไม่ทันระวัง แต่ทุกคนก็ช่วยลีออนไว้และกำจัดอสูรลงได้ ลีออนกลัวมากเพราะเป็นอสูรที่ไม่เคยพบเจอในตำราใดๆเลย คล็อดจึงบอกว่านี่แหละ มันมีอีกหลายอย่างที่ไม่อาจรู้ได้แค่การอ่านหนังสือแต่ต้องพบเจอด้วยตัวเอง

เมื่อข้าใกล้ศิลาพลังงาน จู่ๆสร้อยคอของเรน่าที่ติดตัวตั้งแต่เธอมายังดาวดวงนี้ก็ส่องแสงขึ้น ดูเหมือนมันจะมีความเชื่อมโยงบางอย่างกับศิลาพลังงานเบื้องหน้า
หลังจากได้ศิลาพลังงานที่ต้องการแล้ว ทุกคนพร้อมใจกันออกจากโบราณสถานเตรียมจะขึ้นเรือกลับ แต่ด้านหน้าทางเข้า โอเปร่ากลับพบเออเนส บุรุษสามตามที่นางตามหามานาน ทว่าเมื่อเข้าไปใกล้โอเปร่ากลับพบว่าเออเนสในตอนนี้ไม่ใช่เออเนสที่นางรู้จัก มีบางสิ่งแปลกไป โอเปร่าตัดสินใจเหนี่ยวไกใส่เออเนสทันที และก็เป็นดังคาด เออเนสตอนนี้ถูกวิญญาณตนหนึ่งสิงสู่ วิญญาณนั้นเมื่อเผยร่างก็โจมตีใส่โอเปร่าทันที แต่ทุกคนก็ช่วยกันกำจัดวิญญาณร้ายนี้ได้ในที่สุด

เมื่อกำจัดวิญญาณร้ายแล้ว เรน่าจึงรีบใข้พลังรักษาให้เออเนสที่ไม่ได้สติจนเขาฟื้นขึ้น โอเปร่าดีใจมากและเตรียมจะบอกลาพวกคล็อดเพราะนางบรรลุเป้าหมายแล้ว แต่คล็อดก็รั้งไว้และขอให้ร่วมทางไปต่อ ไม่ใช่เพราะโอเปร่ารบเก่ง แต่เพราะความเป็นเพื่อน โอเปร่าซาบซึ้งใจจึงตัดสินใจร่วมทางกับคล็อดต่อ เออเนสก็เนียนมาร่วมกลุ่มกับเขาด้วยเช่นกัน

ทุกคนกลับมาที่ปราสาทลาคัวร์และนำศิลาพลังงานส่งมอบให้พระราชา ลีออนแยกตัวออกไปแต่พระราชาก็รั้งคล็อดและเพื่อนเอาไว้ พระราชาขอให้พวกคล็อดมุ่งหน้าไปยังชายแดนด่านหน้าที่กำลังรับมือกับคลื่นสัตว์อสูร ตอนนี้แม้จะได้แร่มาแล้วแต่ก็ต้องใช้เวลาในการเตรียมการสำหรับอาวุธไม้ตายสักพัก กว่าจะถึงเวลานั้น ตอนนี้สิ่งที่ต้องการที่สุดคือเวลา และหน้าที่ของคล็อดก็คือยื้อเวลาไว้จนกว่าอาวุธลับ "ความหวังแห่งลาคัวร์" จะแล้วเสร็จ

ทั้งหมดเดินทางมายังชายแดนด่านหน้าซึ่งเป็นกำแพงขนาดใหญ่ มีกำลังทหารและสรรพวุธมากมาย ที่นี่คล็อได้พบดิอาสอีกครั้ง เขายังคงพูดจาไม่เข้าหูกับกลุ่มของคล็อดเช่นเดิม แต่เมื่อรายงานตัวเสร็จและทุกคนแยกย้ายกันพักผ่อน คล็อดได้เจอดิอาสซึ่งยืนอยู่เพียงลำพัง จู่ๆเขาก็กล่าวว่าเขาไว้ใจและฝากฝังให้คล็อดดูแลเรน่า คล็อดรับปากว่าเขาจะดูแลเรน่าแน่นอนแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าคนแข็งแกร่งอย่างดิอาสทำไมถึงคิดว่าตัวดิอาสจะดูแลเรน่าไม่ได้ ดิอาสยิ้มเย็นและกล่าวตอบ "เจ้าคิดว่าที่ข้ามีคือความแข็งแกร่งหรือ ข้าแข็งแกร่งเพื่อปกป้องตัวเอง แต่มิอาจปกป้องผู้ใดได้"

คล็อดแยกจากดิอาสด้วยความสงสัยในคำพูด ระหว่างที่เดินอยู่นั้นเขาได้พบเรน่าที่ดูทิวทัศน์นอกกำแพง คล็อดสงสัยว่าเหตุใดดิอาสจึงออกจากหมู่บ้าน เรน่าจึงเล่าว่าเมื่อหลายปีก่อน มีกลุ่มโจรดักปล้นครอบครัวของดิอาส พ่อ แม่ น้องสาวถูกสังหารหมดสิ้น เหลือเพียงดิอาสในวัยเด็กที่รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ นับแต่นั้นดิอาสก็โทษตัวเองมาตลอดว่าไม่สามารถปกป้องครอบครัวได้เขาจึงไขว่คว้าหาความแข็งแกร่งตลอดมา และด้วยการที่เรน่าสนิทกับน้องสาวของดิอาส ดิอาสจึงมองเรน่าเหมือนน้องสาวแท้ๆของตัวเอง ขณะที่เรน่าซึ่งไม่มีพี่น้องก็มองดิอาสเป็นพี่ชายเช่นกัน

ไม่นานนักมีทหารมารายงานว่าอสูรตนหนึ่งบุกมาเพียงลำพัง มันมีนามว่าไคเอนเป็นอสูรรูปร่างคล้ายมนุษย์แต่มีปีกเหมือนค้างคาวและสามารถพูดได้ มันมาเตือนให้เหล่ามนุษย์ยอมแพ้เสียและพุ่งเข้ามาโจมตีแต่กลุ่มคล็อดก็สามารถต้านไว้ได้ ไม่นานอสูรไคเอนก็บินจากไป ผู้บัญชาการที่ดูแลกำแพงแห่งนี้เชื่อว่าไม่นานไคเอนต้องนำทัพอสูรจำนวนมากมาบุกแน่ ระหว่างที่กำลังร้อนใจนั้น ลีออนและครอบครัวก็เดินทางมาถึงพร้อมกับนำศิลาพลังงานที่พร้อมสำหรับการใช้งานมาด้วย ทั้งหมดรีบติดตั้งศิลาพลังงานใส่ลงใน "ความหวังแห่งลาคัวร์" ซึ่งเป็นปืนใหญ่ขนาดมหึมา และไม่ปล่อยให้รอนาน ปลายของฟ้าปรากฏเงาทะมึนมืดเคลื่อนตัวมาทางกำแพงอย่างรวดเร็ว เป็นทัพอสูรที่บินมาเป็นจำนวนเหลือคณานับ

บัดนี้ "ความหวังแห่งลาคัวร์" พร้อมแล้ว หลังสิ้นสัญญาณสั่งยิง ปืนใหญ่ชาร์จพลังสีเขียวเต็มที่และปลดปล่อยกระสุนพลังงานสีเขียวเป็นทางยาว เมื่อตกกระทบท่ามกลางห่าอสูรก็ระเบิดออกเป็นลูกกลมพลังงานขนาดมโหฬารและแปลงเป็นกระสุนแสงจำนวนนับไม่ถ้วนกระจายไปทั่ว แสงสว่างสีเขียวเจิดจ้าบาดตาปรากฏอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง เมื่อแสงสีเขียวค่อยๆดับลง ห่าอสูรถูกลบหายไปหมดสิ้น คงเหลือเพียหลุมขนาดใหญ่ทิ้งร่องรอยแห่งการทำลายล้างที่เกินกว่าคำใดจะบรรยาย

เหล่าทหารบนกำแพงต่างโห่ร้องดีใจ แซ่ซ้องสรรเสริญความหวังแห่งลาคัวร์กันถ้วนทั่ว แม้แต่ดิอาสยังทึ่งในพลังทำลายล้างอันมหาศาล ชัยชนะอันเหลือล้นนี้ทำให้พระราชาเตรียมแผนต่อไปทันที พระราชาเรียกกลุ่มคล็อดเข้าไปอธิบายแผนว่า กองทัพจะติดตั้งปืนใหญ่ความหวังแห่งลาคัวร์นี้ไว้บนเรือรบและมุ่งหน้าไปยังทวีปแอลเพื่อเป็นฝ่ายบุก นั่นจะสร้างโอกาสให้สามารถช่วยเหลือเหล่าผู้รอดชีวิตจากทวีปแอลได้ และพระราชาต้องการให้คล็อดและพวกร่วมเดินทางไปกับภารกิจครั้งนี้

แต่ลึกๆในใจคล็อดยังสงสัย ศัตรูจะยอมแพ้ง่ายดายเพียงนี้หรือ?
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดก็เตรียมตัวเดินทางกันที่ท่าเรือฮิลตัน ดิอาสมาอำลาและบอกว่าตนจะอยู่เฝ้าด่านชายแดนที่นี่ ให้คล็อดดูแลเรน่าให้ดี แต่เรน่ากลับรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีว่าอาจจะไม่ได้พบดิอาสอีกแล้ว..

กองเรือค่อยๆออกเดินทางจากท่า กลุ่มคล็อดโดยสารเรือลำเดียวกับลีออนและครอบครัวที่บ่นกับทหารว่า จะพาเด็กและนักวิจัยมาร่วมภารกิจเสี่ยงตายอย่างนี้ทำไม เรือรบแล่นผ่านผืนทะเลพักใหญ่ก็ปรากฎเงาทะมึนมืดที่ปลายท้องฟ้าอีกครั้ง กองทัพอสูรจำนวนมากบินตรงมาที่กองเรือทว่าครั้งนี้ อสูรไคเอนเป็นผู้นำหน้ามาด้วยตนเอง ลีออนไม่รอช้าให้สัญญาณทหารยิงปืนใหญ่ไม้ตายทันที ระเบิดพลังงานปกคลุมทั่วท้องฟ้าอีกครั้งหนึ่ง

แต่ครั้งนี้เมื่อแสงระเบิดเริ่มจางลง กลับพบโล่พลังงานขนาดใหญ่ขวางกั้นพลังทำลายของกระสุนแสงเมื่อครู่ แม้อสูรรอบนอกจะแหลกสลายด้วยแรงระเบิดแต่ไคเอนกับสมุนรอบข้างกลับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ทัพอสูรพุ่งตรงมายังเรือรบในทันที กลุ่มคล็อดต้านทานอย่างสุดกำลังแต่พลาดท่าถูกไคเอนบินโฉบจนปลิวตกทะเลกันยกกลุ่ม พ่อแม่ของลีออนเห็นดังนั้นจึงตัดสินใจคว้าตัวลีออน ทั้งสามพ่อแม่ลูกกระโดดลงทะเลทันที ทหารที่หลงเหลือในเรือต่างก็ไม่อาจต้านทานทัพอสูรได้เลย มนุษย์ในเรือถูกเข่นฆ่าหมดสิ้น ไคเอนหัวเราะชอบใจที่แผนการลวงมนุษย์ผู้โง่เขลาลุล่วง มันสะบัดมือทำลายปืนใหญ่ทันที "ความหวังแห่งลาคัวร์" บัดนี้ถูกทำลายสิ้นแล้ว ไคเอนล้วงมือหยิบเอาศิลาพลังงานออกมาจากด้านในปืนใหญ่พร้อมกับหัวเราะเสียงดังกว่าเก่า
นี่จึงเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของมัน
...
ความหวังถูกทำลาย..
ผู้กล้าหายสาปสูญ...
ไม้ตายก้นหีบของมวลมนุษย์ตกอยู่ในกำมือของหมู่มาร...
...

-- จบบทที่ 1-4 --