บททดสอบทั้งสี่ว่ากันว่าจะช่วยปลดล็อคพลังแฝงของผู้คนที่ผ่านมัน แต่ก่อนที่จะเข้าสู่บททดสอบทั้งสี่ พวกคล็อดได้ไปหาข้อมูลในห้องสมุด มีข้อมูลต่างๆมากมาย เช่นเหตุการณ์ 10 ผู้ทรงปัญญา การปิดผนึกตัวเองของดาวนีด ประวัติศาสตร์ของซิมโบโลจี (ศาสตร์เวทมนตร์ผ่านตราสัญลักษณ์ แบบเดียวกับเวทมนตร์ที่ชาวเอ็กส์เปลใช้) ทว่ามีข้อมูลหนึ่งที่ถูกปิดผนึกไว้ไม่สามารถเข้าถึงได้ ดูเหมือนจะยังมีความลับบางอย่างที่ไม่เคยถูกเปิดเผย

คล็อดและคณะออกเดินทางไปบททดสอบทั้งสี่ ซึ่งมีบททดสอบความแข็งแกร่ง บททดสอบปัญญา บททดสอบความกล้าหาญ และบททสอบความรัก นอลให้คำแนะนำไว้ว่าบททดสอบความรักนั้นยากที่สุดควรเก็บไว้สุดท้าย พวกคล็อดจึงไปที่บททดสอบความแข็งแกร่งเป็นอันดับแรก
บททดสอบความแข็งแกร่งซึ่งอยู่ในดินแดนหิมะทางตะวันตก พวกเขาต้องผ่านกับดักที่บังคับให้ต้องสู้กับทุกสิ่งที่ขวางหน้า ทั้งยังต้องหนีหิมะถล่ม จนในที่สุดก็มาถึงยอดเขา เบื้องหน้าเป็นสะพานทอดไปสู่วิหารเล็กๆหลังหนึ่ง แต่มันขวางกั้นด้วยอสูรโกเล็มเหล็ก มันคือบอสประจำด่านทดสอบที่คล็อดต้องเอาชนะให้ได้ เมื่อผ่านมาได้พวกเขาก็พบแท่นบูชาที่มีวัตถุกลมเรืองแสงชิ้นหนึ่ง เมื่อเข้าใกล้แสงสว่างก็เจิดจ้าจับตา ห้วงจิตสำนึกของเขาได้ย้อนไปสู่ช่วงเวลาที่เขาเพิ่งก้าวมาเป็นทหารฝึกหัดและออกนอกห้วงอวกาศครั้งแรก ในตอนนั้นเขาต้องโกหกตัวเองซ้ำๆว่ามีความสุข ต้องแกล้งเมินเฉยต่อคำครหาว่าเพราะเป็นลูกชายผู้บัญชาการถึงได้ก้าวหน้า ต้องกลายเป็นคนที่ผู้อื่นคาดหวังให้เป็น ทุกสิ่งที่เขาพยายามกลายเป็นว่า "ก็เพราะเป็นลูกผู้บัญชาการไง" ไม่มีใครมองเห็นเขาที่เป็นตัวเขาเองจริงๆ

เมื่อได้สติกลับมายังปัจจุบัน เรน่าได้กล่าวคำพูดปลุกใจว่า ถ้าเธอวิ่งหนีมันก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มีแต่ต้องตั้งมั่นในจุดยืนของตัวเองเท่านั้น จึงจะเห็นเส้นทางของตัวเอง คล็อดเห็นด้วยและพลันนึกถึงว่าหากตอนนั้นตนมีจุดยืนของตัวเอง ชีวิตเขาก็คงจะเปลี่ยนแปลงไปจากนี้
คล็อดสลัดความคิดทั้งหมดทิ้งไป และคว้าเอาลูกกลมแห่งความแข็งแกร่งมา จากนั้นทั้งหมดจึงออกเดินทางต่อไปยังบททดสอบถัดไป

บททดสอบแห่งปัญญาเป็นสุดยอดเขาวงกตชวนปวดหัว หลังงมหาทางออกอยู่นานทั้งหมดก็เข้าไปสู่ห้องเก็บลูกกลมแห่งปัญญาและต่อสู้กับบอสผู้พิทักษ์ เช่นเดียวกับก่อนหน้า ครั้งนี้แสงสว่างพาจิตของคล็อดย้อนกลับไปสมัยเขายังเป็นเด็กน้อย ตอนนั้นพ่อของเขามักออกไปทำภารกิจนอกอวกาศเป็นเวลานาน พอกลับมาโลกพ่อเขาก็มัวแต่ยุ่งอยู่ในห้องทำงานจนไม่ได้กลับมาบ้าน คล็อดมาตามหาพ่อกลับบ้านแต่พ่อก็ไม่อาจกลับไปได้ คล็อดเสียใจที่พ่อไม่ทำตามสัญญาและบอกว่าพ่อเป็นจอมโกหก ก่อนจะร้องไห้วิ่งจากไป
กลับมาที่โลกปัจจุบัน ดูเหมือนเรน่าก็เห็นนิมิตบางอย่างเช่นกัน คล็อดเก็บลูกกลมแห่งปัญญาและเดินทางไปยังบททดสอบต่อไป

บททดสอบแห่งความกล้านั้นมีกฏเพียงกฎเดียว คือต้องมุ่งตรงไปข้างหน้าเท่านั้นห้ามถอยหลังกลับ (ถ้าถอยมาจะติดพิษ) สุดทางเมื่อคิดว่าจะจบแล้วก็ปรากฏอสูรโกเล็มยักษ์ผู้พิทักษ์เข้าขัดขวางตามเคย มันบอกว่ามีแต่ความกล้าหากไม่มีกำลังก็เปล่าประโยชน์ ทางเราลยจัดกำลังชุดใหญ่จนโกเล็มร่วง และเช่นเคยคล็อดได้พบกับนิมิตอีกครั้ง ครั้งนี้ดูเหมือนกับจะเป็นเหตุการณ์ปัจจุบันที่โรนิกส์พ่อของคล็อดยังคงเศร้าโศกกับการสูญเสียลูกชาย พ่อพูดถึงคล็อดว่าเมื่อก่อนเขาไม่ค่อยเป็นห่วงคล็อดเท่าไรนักเพราะคล็อดไม่ได้มีความกล้าไปทำเรื่องเสี่ยงๆ ทว่าความกล้าที่มุทะลุรังแต่จะพาตัวเข้าสู่ความตายก่อนวัยอันควร เป็นคนขลาดเขลาอย่างตัวเขา (พ่อ) จึงจะเป็นหนทางที่ปลอดภัย สมาชิกในยานต่างแย้งว่าโรนิกส์หาใช่คนขลาด แต่ตัวโรนิกส์รู้ดีว่าเขาขลาดกลัวมาตลอด กลัวว่าภรรยาจะเกลียดเขา กลัวว่าลูกชายจะเกลียดเขา กลัวว่าคนทั้งจักรวาลจะเกลียดเขา นั่นจึงทำให้เขาแสดงออกเหมือนเป็นคนกล้า เพื่อกลบเกลื่อนความคิดที่ว่าลูกชายเขาจะชิงชังเขามากเช่นใด...

กลับมาที่ปัจจุบัน ครั้งนี้เรน่าไม่ได้เห็นนิมิตใดๆ มีแต่เสียงหนึ่งที่บอกเธอว่า "ความกล้าที่แท้จริงจะต้องกล้าที่จะทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง" ทุกคนพยายามไม่นึกถึงเรื่องนี้และเดินทางต่อไปยังบททดสอบสุดท้าย

บททดสอบแห่งความรัก ตั้งอยู่บนเกาะลอยฟ้าอย่างแปลกประหลาด บททดสอบก็แปลกประหลาด มีสะพานที่ข้ามแล้วดอกไม้จะขึ้น แต่หากกลับทางเดิมดอกไม้จะหายไป จึงต้องหาทางเชื่อมที่ไม่ซ้ำกันเพื่อให้ดอกไม้ผลิบานทั่วทั้งหมด เมื่อผ่านการทดสอบและเข้าไปด้านในแท่นบูชา คล็อดได้พบสตรีที่เรียกตัวเองว่า สตรีแห่งฤดใบไม้ผลิ แต่เมื่อสมาชิกในกลุ่มเข้าใกล้ สตรีนางนี้จู่ๆก็จับเพื่อนเป็นตัวประกันและเปิดเผยตัวว่าเป็นลูกสมุนของสิบผู้ทรงปัญญา นางสังหารผู้พิทักษ์ในบททดสอบและเนียนมารอพวกพระเอก นางเรียกร้องให้คล็อดส่งรูนโค้ดเพื่อแลกกับตัวประกัน คล็อดไม่มีทางเลือกจึงเดินไปส่งให้ สตรีฉวยโอกาสโจมตีพวกคล็อดแต่ก็ต้องพ่ายแพ้และถูกสังหาร สุดท้ายแสงสว่างและนิมิตก็ปรากฏอีกครั้ง คล็อดอยู่ท่ามกลางความมืดและไม่สามารถขยับตัวได้ แต่ก็ปรากฏหญิงสาวที่ไม่ระบุตัวตนมาช่วยไว้ เมื่อกลับสู่ปัจจุบันคล็อดก็ได้รับลูกกลมแห่งความรักอันเป็นชิ้นสุดท้าย

ทั้งหมดกลับมาหานอลที่เซ็นโทรโปลิส นอลแสดงความยินดีที่ทุกคนผ่านบททดสอบมาได้ (คล็อดบอกว่าหลังผ่านการทดสอบก็ไม่เห็นว่าพวกเขาจะเก่งอะไรขึ้นมาเลย แต่นอลบอกว่าเชื่อเถอะพวกเธอแข็งแกร่งขึ้นแล้ว) นอลยังแนะนำให้รู้จักมาริแอนนา หัวหน้ากองกำลังป้องกันตนเองของชาวนีเดียน ยุทธการต่อไปคือการร่วมมือกับกองกำลังนี้เพื่อบุกไปยังฐานที่มั่นของเหล่าสิบผู้ทรงปัญญา เมืองไซนาล ซึ่งจะเริ่มเดินทางในวันพรุ่งนี้เลย

ที่ต้องเร่งบุกอย่างกระทันหัน เพราะนอลกังวลว่าหากรอเวลาจนสิบผู้ทรงปัญญาเตรียมการเสร็จสิ้น พวกเราจะได้แต่ถูกกระทำ เช่นนั้นมิสู้ชิงเป็นฝ่ายกระทำเสียดีกว่า เมื่อบอกแผนการคร่าวๆจบแล้ว ก่อนจะแยกย้ายกันพักผ่อนเรน่าได้ถามนอลว่ามีหนทางในการติดต่อกับคนของดาวเอ็กส์เปลหรือไม่ (ดูเหมือนว่าเรน่าและคนอื่นๆจะยังไม่รู้ว่าดาวเอ็กส์เปลชนกับดาวนีดจนแตกดับไปแล้ว มีเพียงคล็อดคนเดียวเท่านั้นที่รู้) นอลลำบากใจที่จะเอ่ยแต่ก็บอกความจริงกับทุกคนว่าดาวเอ็กส์เปลในตอนนี้ไม่ดำรงอยู่อีกต่อไป ทว่าก็มีหนทางหนึ่งที่สามารถจะช่วยได้ คือใช้วิทยาการของชาวนีเดียนบิดเบือนเส้นเวลาและนำดาวเอ็กส์เปลก่อนจะแตกกลับมา แต่การจะทำเช่นนั้นได้จำต้องใช้พลังจากเมืองทั้งหมดของดาวนีด ซึ่งตอนนี้เหลือเพียงเมืองเดียวคือเมืองไซนาลที่พวกสิบผู้ทรงปัญญาครอบครองอยู่ นั่นทำให้ทุกคนมีความหวังและยิ่งทำให้ทุกคนมีเหตุผลในการกำจัดสิบผู้ทรงปัญญาให้ได้ เพื่อนำดาวเอ็กส์เปลกลับมา

-- จบบทที่ 2-2 --