คล็อดและเรน่าเดินทางมาถึงเมืองฮิลตัน เมืองท่าของทวีปฝั่งตะวันออก จากนั้นทั้งสองก็เดินทางต่อไปยังมหานครกลางหุบเขา เมืองลาคัวร์ที่ว่ากันว่าเป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ระหว่างที่คล็อดและเรน่าแยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอัธยาศัย ที่นี่คล็อดได้พบกับชายหนุ่มผมทองผู้หนึ่งซึ่งไม่ว่าจะหน้าตา ทรงผมล้วนถอดแบบมาจากคล็อดไม่ผิดเพี้ยน ทั้งสองต่างตกใจที่ได้เจอคนที่หน้าตาเหมือนกันขนาดนี้ มีเพียงชุดที่ใส่เท่านั้นที่ต่างกัน ทั้งสองแนะนำตัวจึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายชื่อไคลด์ (ชื่อก็คล้ายกันอีก) เมื่อต่างฝ่ายต่างรู้สึกถูกชะตาจึงชวนกันไปดื่มในบาร์ และนั่นยิ่งทำให้ทั้งสองคุยกันถูกคอ

ไคลด์ดูเหมือนจะไม่ใช่นักเดินทางธรรมดาๆ แม้คล็อดจะไม่ได้เค้นถามว่าไคลด์เป็นใครมาจากไหน แต่ไคล์ก็มีหลุดๆมานิดหน่อยว่าตนอยู่ในวังไม่มีอิสระเลย...

ก่อนจากกันไคลด์ร่ำลาแฝดคนละฝาผู้นี้พร้อมทั้งมอบแหวนวงหนึ่งให้ป็นที่ระลึก

คล็อดและเรน่าเดินทางต่อไปยังเมืองใหญ่ใจกลางหุบเขา มหานครลาคัวร์

ที่เมืองแห่งนี้คราคร่ำด้วยบรรยากาศอันคึกคักเนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลประจำปีอันยิ่งใหญ่ เทศกาลประกวดชุดเกราะ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ร้านอาวุธชุดเกราะต่างๆส่งตัวแทนนักสู้มาดวลกันในสนามประลอง คล็อดเห็นเป็นโอกาสในการฝึกตนจึงเข้าสมัครด้วย เขาให้เหตุผลกับเรน่าว่าต้องการท้าทายตัวเอง แต่เหตุผลจริงๆอีกเหตุผลหนึ่งเพราะเขาเชื่อว่า ดิอาส นักดาบที่สนิทกับเรน่าต้องมาแน่

และดิอาสก็มาจริงๆ เขายังคงหยิ่งทะนงไม่เห็นผู้ใดในสายตาเช่นเคย การแข่งขันนี้มีกฏอยู่ว่าสามารถใช้อาวุธชุดเกราะที่มาจากร้านค้าที่เป็นสปอนเซอร์ให้เท่านั้น เมื่อคล็อดลงทะเบียนเสร็จจึงต้องออกตามหาสปอนเซอร์ของตนเอง ระหว่างร้านอาวุธที่เจ้าของเป็นสาวสวยแทะโลมคล็อดไม่หยุด ร้านชุดป้องกันของลุงหัวล้านที่ใส่เกราะสุดแกร่งแต่อาวุธสุดกาก ร้านอาวุธของชายกลางคนอีกร้านที่อาวุธสุดแกร่งแต่กลับให้เกราะสุดกาก (สลับกันเลย) และร้านสุดท้าย ร้านอาบังโพกหัวที่ให้อาวุธชุดเกราะเข้าขั้นกากทั้งหมด (เราสามารถเลือกได้จาก 4 ร้านนี้ว่าจะเอาร้านไหน ไม่มีผลกับเนื้อเรื่องแต่เราจะได้ชุดเซ็ตนี้ที่ร้านมอบให้ทั้งหมดในภายหลัง)

เวลาผ่านไปอีกหลายวัน ในที่สุดก็ถึงวันงานแข่งขัน คล็อดเข้าวังไปยืนยันการลงทะเบียนอีกครั้งและเตรียมพร้อมสู่สนามประลอง รอบแรกคล็อดเอาชนะอัศวินในชุดเกราะได้อย่างไม่ยากเย็น ทว่าเขาไม่เห็นเรน่ามาเชียร์เลยจึงรู้สึกเป็นห่วง คล็อดกลับขึ้นมาดูบนอัฒจันทร์จึงพบเรน่าที่เพิ่งวิ่งเข้ามา เรน่าแสดงความยินดีกับคล็อดเพราะได้ยินจากทหารว่าคล็อดผ่านรอบแรกแล้ว ที่เรน่ามาไม่ทันดูเพราะดิอาสที่กำลังจะแข่งรอบที่สองกลับอาวุธหายไป เมื่อแก้ปัญหากันได้เรน่าจึงกลับมาพบคล็อดที่แข่งเสร็จพอดี

คล็อดฝ่าพันเอาชนะมาถึงรอบสุดท้าย และแน่นอนตามบท ดิอาสนักดาบสุดเทพก็มาถึงรอบสุดท้ายเช่นกัน คล็อดทุ่มเทพพลังทั้งหมดสู้กับดิอาสอย่างกล้าหาญ ทว่า...คล็อดก็พ่ายแพ้ย่อยยับจบหมดสติ

เมื่อรู้สึกตัวจึงพบว่าตนมาอยู่นอกสนามแข่งแล้ว เขาฟื้นพลังกลับมาด้วยเวทย์รักษาของเรน่า คล็อดเจ็บใจตัวเองที่แพ้แต่ก็ต้องยอมรับว่าตนไม่สามารถสู้ดิอาสได้แม้แต่น้อย ทันใดนั้นดิอาสก็เดินเข้ามา คล็อดคิดว่าตนต้องโดนดูถูกเหมือนเคยแน่ๆแต่กลับกลายเป็นว่าดิอาสเข้ามาขอบคุณคล็อด เขาขอบคุณที่คล็อดทำให้เขาจำเป็นต้องใช้พลังทั้งหมด 100% อย่างที่ไม่เคยใช้มาหลายปี ยังไม่ทันที่คล็อดจะหายงงดิอาสก็เดินจากไปแล้ว

เรน่าพาคล็อดมาหาแกมจี ช่างตีดาบที่เก็บตัวอยู่ในตรอกห่างไกลของเมืองลาคัวร์ คล็อดเพิ่คยเจอแกมจีเป็นครั้งแรกแต่แกมจีรู้จักคล็อดเป็นอย่างดีเพราะเขาจับตาดูคล็อดตั้งแต่แข่งขันรอบแรก คล็อดเพิ่งได้รู้ในตอนนี้เองว่าดิอาสไม่ใช่คนยโสเย็นชาอย่างที่ตนเข้าใจ ดิอาสคาดหวังในตัวคล็อดไว้สูงมาก และชมเชยคล็อดให้แกมจีฟังไม่ขาดปาก ทั้งยังฝากดาบคู่กายเล่มหนึ่งให้แกมจีฝากมาให้คล็อดด้วย แกมจีมอบให้พร้อมกับบ่นไปพลางว่าทำไมดิอาสมันไม่ยอมมาพูดเองฟระ (ที่แท้ดิอาสก็เป็นหนุ่มซึนเดเระนี่เอง)

เมื่อเสร็จธุระที่เมืองลาคัวร์แล้ว คล็อดและเรน่ากลับไปที่เมืองท่าฮิลตันและได้พบกับหญิงสาวผู้หนึ่งในบาร์ สิ่งที่ทำให้หญิงสาวผู้นี้เด่นสะดุดตาคือดวงตาที่สามกลางหน้าผากของนาง หญิงสาวนางนี้เที่ยวตามหาข่าวของชายสามตาอีกคนไปทั่ว ทว่าถามใครก็ไม่มีใครรู้ หญิงสาวหันมาพบกับคล็อดและเรน่าจึงถามทั้งคู่ว่าเคยพบกับบุรุษที่มีสามตาหรือไม่ คล็อดจำได้ว่าเคยเดินสวนคนลักษณะเช่นนี้ตอนที่เขาอยู่หน้าปราสาทเมืองครอส เมื่อหญิงสาวได้ข่าวนี้จึงขอบคุณคล็อดเป็นการใหญ่และแนะนำตัวว่านางชื่อโอเปร่า ก่อนที่หญิงสาวจะรีบจากไป

คล็อดและเรน่าเดินทางกลับมาที่เมืองครอสเพื่อเข้าพบพระราชาและถามข่าวเกี่ยวกับหญิงสาวสามตาจึงได้ความว่า หญิงสามตามาพบพระราชาเช่นกันจึงรู้ว่าบุรุษสามตาเข้าไปยังโบราณสถานไม่ไกลจากที่นี่ หญิงสามตาจึงขอใบอนุญาตและตามไปที่โบราณสถาน คล็อดรู้ดังนั้นจึงขอใบอนุญาตจากราชาเช่นกันและรีบตามไปที่โบราณสถานด้วยอีกคน

ภายในโบราณสถาน คล็อดได้พบกับโอเปร่าอีกครั้ง คล็อดจึงดึงโอเปร่ามาคุยส่วนตัวว่าเธอมาจากดาวอื่นใช่หรือไม่ แต่ยังไม่ทันได้คุยกันมากกว่านี้เรน่าก็เดินเข้ามาก่อน โอเปร่าตกลงร่วมมือกับกลุ่มคล็อดโดยขอให้คล็อดช่วยนางตามหาบุรุษสามตา ทั้งหมดจึงร่วมทางกันและเข้าไปยังส่วนลึกของโบราณสถานแห่งนี้

ด้านในของโบราณสถานคล็อดได้พบกับร่างสัตว์อสูรยักษ์สองตนนอนตายอยู่ โอเปร่าเข้าไปสำรวจและแน่ใจว่านี่เป็นฝีมืออาวุธของเออเนส ชายสามตาที่นางตามหาแน่นอน ขณะนั้นเอสูรสองตนที่คิดว่าตายไปแล้วกลับลุกขึ้นมาและโจมตีกลุ่มตัวเอกทันที หลังจากล้มอสูรทั้งสองลงได้ ทั้งหมดก็เดินทางจนถึงด้านในสุดของโบราณสถาน ที่นี่ทุกคนได้พบห้องวิจัยลับที่คาดว่าราชวงศ์ได้สร้างไว้อย่างลับๆ โอเปร่าค้นพบร่องรอยว่าเออเนสเคยอยู่ที่นี่ แต่ตอนนี้ไม่พบเออเนสและไม่มีเบาะแสใดๆต่อ โอเปร่าจึงขอเข้าร่วมกลุ่มชั่วคราวจนกว่าจะพบสหายของนาง

ทั้งหมดเดินทางต่อไปยังเมืองลิงก้า เมืองแห่งการศึกษาทางตอนเหนือของเมืองลาคัวร์ ที่นี่มีมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่และเป็นแหล่งรวมของนักวิจัยทั่วทุกสารทิศ
ที่นี่คล็อดได้พบกับพรีซิส สาวน้อยนักประดิษฐ์ผู้สะพายแขนหุ่นยนต์อยู่ด้านหลัง พรีซิสออกตัวแรงว่าสนใจคล็อดมากและขอร่วมกลุ่มไปด้วย แต่คล็อดที่รู้สึกถึงบรรยากาศมาคุจากตัวเรน่าก็ได้ปฏิเสธพรีซิสไป (ตรงนี้เราสามารถเลือกว่าจะชวนพรีซิสเข้ากลุ่มหรือไม่ แต่หากชวนจะไม่สามารถชวนโบว์แมน สมาชิกอีกคนที่กำลังจะเจอไม่นานนี้เข้าร่วมกลุ่มได้)

คล็อดตามหาจนพบบ้านของผู้เชี่ยวชาญทางภาษา เขาต้องการจะหาคนแปลบันทึกโบราณที่ได้ในถ้ำครอสเมื่อก่อนหน้านี้ (ตอนที่เดินทางกับเซลีนครั้งแรก) แต่ยังไม่ทันได้พบนักภาษาก็ถูกผู้ช่วยขับไล่ออกมาเพราะนักภาษายุ่งมาก จะว่างอีกทีก็เดือนหน้าเลย คล็อดและผองเพื่อนไม่อาจรอนานขนาดนั้นได้จึงหาวิธีอื่น คล็อดลองถามชายหนุ่มในร้านขายยาและพบว่าเขามีชื่อว่าโบว์แมนและรู้จักกับนักภาษาเป็นอย่างดีและสามารถช่วยได้ คล็อดเล่าเรื่องราวให้ฟังแต่โบว์แมนไม่เชื่อว่าคล็อดจะสามารถเอาบันทึกโบราณมาจากถ้ำครอสที่แสนอันตรายได้จริงๆ โบว์แมนจึงท้าคล็อดว่าหากพวกเขามีความสามารถจริงๆ ก็จงไปเอาสมุนไพรในถ้ำศักดิ์สิทธิ์ของเมืองลิงก้า และต้องเป็นสมุนไพรที่โบว์แมนไม่เคยพบมาก่อน ทว่าโบว์แมนก็เตือนว่าถ้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ประตูสู่ต่างโลก เป็นสถานที่ไม่เคยมีใครสำรวจจนสุดทางแล้วรอดกลับมาได้ คล็อดรับคำท้าและชวนทุกคนออกตามหาสมุนไพร

ในถ้ำศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดพบว่าที่นี่เป็นเหมือนสุสานของยักษ์และมังกรโบราณ มีซากกระดูกขนาดยักษ์เต็มไปหมด และเมื่อยิ่งเดินลึกเข้าไปก็ยิ่งค้นพบสมุนไพรที่หายากขึ้น แต่บรรยากาศก็ยิ่งแปลกประหลาดมากขึ้น เมื่อถึงด้านในทุกคนก็พบกับอสูรแปลกประหลาดที่เหมือนก้อนเนื้อเดินได้และพร้อมจะเขมือบทุกสิ่งที่ขวางหน้า หลังการต่อสู้อย่างยากลำบากคล็อดและผองเพื่อนก็สังหารมันลงได้ และพบกับสมุนไพรแปลกประหลาดต้นหนึ่ง ทั้งหมดจึงนำสมุนไพรนี้กลับไปให้โบว์แมนทันที

โบว์แมนถึงกับตะลึงเมื่อได้เห็นสมุนไพรต้นนี้เพราะมันไม่เคยมีปรากฏในบันทึกใดๆ เขาดีใจมากและทำตามสัญญาโดยพาทุกคนไปหาคีธ นักภาษาศาสตร์ผู้ไม่เคยว่าง เมื่อเหล่าผู้ช่วยที่เตรียมจะไล่แขกได้พบโบว์แมนก็มีท่าทางเกรงใจอย่างเห็นได้ชัด โบว์แมนนั้นก็เป็นนักวิจัยที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง โบว์แมนจึงพาทุกคนเข้าไปหาคีธนักภาษาได้ในที่สุด คล็อดเล่าเรื่องทั้งหมดและส่งมอบบันทึกโบราณให้ คีธตื่นตกใจและบอกทุกคนว่านี่อาจจะไขคำตอบบางอย่างที่ไม่เคยถูกค้นพบก็เป็นได้ เขาสัญญากับทุกคนว่าจะช่วยแปลบันทึกโบราณให้แต่ต้องใช้เวลาสักพ้ก คล็อดจึงฝากบันทึกโบราณไว้และเตรียมจะออกเดินทางต่อ แต่โบว์แมนก็ชวนทุกคนค้างที่บ้านสักคืน

คืนนั้นโบว์แมนเข้ามาคุยกับคล็อดแสดงความตั้งใจที่อยากร่วมทางด้วย โบว์แมนเชื่อว่าคล็อดจะพาเขาได้เจอการค้นพบใหม่ๆ คล็อดตกลงทันที รุ่งเช้าหลังจากโบว์แมนร่ำลาภรรยาก็ร่วมทางกับคล็อดกลับไปยังมหานครลาคัวร์อีกครั้งเพื่อขอพบกับพระราชาเรื่องการเดินทางไปทวีปแอล

-- จบบทที่ 1-3 --