Skip to main content

Final Fantasy 2

(as Final Fantasy II)

ไฟนอล แฟนตาซี 2


Final Fantasy 2 [By gamedee.2ya.com]

Final Fantasy 2



Introduce


โครงเรื่อง :

จักรวรรดิบาราเมเกียที่ชั่วร้าย ทำการกดขี่และรุกรานอาณาจักรต่างๆไปทั่วโลก สี่หนุ่มสาวผู้ถูกทำลายล้างครอบครัวในสงคราม ได้เข้าร่วมกับกองทัพปฏิวัติที่นำโดย เจ้าหญิงฮิลด้า พวกเขาต้องผ่านการผจญภัยมากมาย ต้องต่อสู้กับทั้งมอนสเตอร์และกองทัพของฝ่ายจักรวรรดิ การต่อสู้เพื่ออิสรภาพเป็นไปอย่างยากลำบาก จนในที่สุดพวกเขาก็เข้าถึงตัวจักรพรรดิบาราเมเกียและปราบจอมทรราชคนนี้ลงจนได้ ทว่าเบื้องหลังของจักพรรดิยังมีผู้ชั่วร้ายยิ่งกว่ารอคอยอยู่เบื้องหลัง สิ่งนั้นคือพลังงานแห่งความชั่วร้ายที่แฝงเร้นในจักรวาล เมฆหมอกแห่งความชั่วร้ายหรือ Dark Cloud นั่นเอง
ตัวเอกของ FF2 มีกันอยู่สี่คนหลักๆ คือ ฟรีโอนีล (Frionel), กาย(Guy), มาเรีย(Maria) และ ไลออนฮาร์ท (Lionheart) พวกเขาเข้าร่วมกับกองทัพกอบกู้เมือง Finn ตามคำเชื้อเชิญขององค์หญิงฮิลด้า และได้รับความช่วยเหลือจากตัวละครอื่น ซึ่งแต่ละคนก็มีความโดดเด่นและยังคงอยู่ในความทรงจำของเกมเมอร์เท่าทุกวันนี้ เช่น จอมมนต์ขาวมินอู กอร์ดอนองค์ชายแห่งอาณาจักรคาชิวออน หรือแม้กระทั่งซิด วิศวกรขาประจำเจ้าของเรือเหาะแห่งซีรี่ย์ไฟนอลแฟนตาซี่คนนี้
ข้างฝ่ายตัวร้ายนั้นเล่า มีจักรพรรดิบาราเมเกียเป็นหัวหอกหลักครับ ในตอนแรกจักพรรดิเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่ถูกชักใยโดย Dark Cloud แต่หลังจากพ่ายแพ้ต่องฝ่ายตัวเอก จักพรรดิก็อาศัยพลังจาก Dark Cloud และกลับมาจากความตายโดยรวมร่างกับพลังชั่วร้ายตนนั้น ที่น่าสนใจอีกคนหนึ่งก็คือไลออนฮาร์ท (เคยมีเฉลยเกมเก่าๆ พาอ่านว่า เรออนบัลท์ ซึ่งผิด) เขาเป็นพี่ชายของมาเรีย แต่ถูกชักนำเข้าสู่โลกมืดและเป็นผู้นำของกองทัพบาราเมเกีย ท้ายที่สุด ไลออนฮาร์ทก็เห็นแสงสว่าง และกับมาร่วมมือกับฝ่ายธรรมะในที่สุด


The Game and the System

FF2 ทิ้งห่างภาคแรกไปมากในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะในด้านของพล็อตเรื่องที่หลากหลายขึ้น หรือในเรื่องของ system ของตัวเกมเอง FF2 ได้พัฒนาระบบขึ้นมาจนเป็นเอกลักษณ์โดยเฉพาะ คือใช้ระบบฝึกฝน อย่างเวทย์มนต์หรืออาวุธที่ยิ่งใช้มาก ก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งนี่ก็เป็นต้นแบบของเกมตระกูล SaGa
FF2 วางจำหน่ายเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น และไม่เคยมีเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษออกมาเลย นอกจากต้องอาศัย Emulator เล่นเอา มี Patch ที่เป็นภาษาอังกฤษออกมานานแล้วด้วย คุณภาพก็พอใช้ได้ครับ ไว้มีเวลาจะอัพโหลดไว้ให้ลองรำลึกอดีตกัน มีเกร็ดเล็กๆ เกี่ยวกับ ฮิโตมิชิ ทานากะ ฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ของแสควร์ เขาได้กล่าวเอาไว้ว่า

"ทางแสควร์ได้เตรียมการจะวางจำหน่ายเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของ FF2 เอาไว้เนิ่นนานแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นแสควร์กับนินเทนโดมี ปัญหาเล็กๆกันอยู่ "

เวอร์ชั่น Eng ของ FF2 เลยเป็นหมันไปด้วยประการฉะนี้ (แต่มาถึงวันนี้ FF 1-2 ก็ลง Wander Swan เรียบร้อยแล้วครับ)

ข้อมูลเฉพาะ

วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 17, 1988 in Japan.
Systems: Famicom

 

 

Characters

 

Firion, Frionel (2j)
ผู้นำกลุ่มตัวเอก มีนิสัยไม่ค่อยชอบพูด สีหน้าเคร่งขรึมอยู่เป็นนิจตามสไตล์ของพระเอก RPG ยุคคลาสสิค

Maria
ทำท่าเหมือนจะเป็นนางเอกของภาคนี้ หญิงสาวผู้กล้าหาญเชี่ยวชาญการใช้ธนู ออกตามหาไลออนฮาร์ทพี่ชายของเธอที่หายตัวไป

Guy
ชายหนุ่มร่างยักษ์ บึกบึน เชี่ยวชาญการใช้ขวาน แต่ใครล่ะจะเชื่อว่ากายเป็นคนรักสัตว์และสามารถสื่อสารกับสัตว์ชนิดต่างๆได้

Minh
จอมเวทย์ขาวผู้ร้ายกาจ ออกเดินทางพร้อมพวกฟริโอนีลเพื่อลำเลียงโลหะมิทธริล ในตอนท้ายของเรื่องเขาพลีชีพตัวเองเพื่อทำลายผนึกของอุตมะคาถา Ultima

Josef
ผู้นำของเมือง Salamando เชี่ยวชาญการต่อสู้ด้วยมือเปล่า เสียชีวิตเนื่องจากกับดักสกปรกของ Duke Borgan

Gordon
องค์ชายขี้แยแห่งปราสาท Kashuon การตายของ Scot ผู้เป็นพี่ทำให้เขาเช็ดน้ำตาและลุกขึ้นมาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ กับกองทัพประชาชนของฝ่ายต่อต้าน

Layla
โจรสลัดสาวผู้พยายามปล้นชิงทรัพย์เหล่าตัวเอกด้วยการล่อลวงขึ้นเรือของเธอ แต่พลาดครับ(ตามฟอร์ม) เธอร่วมทางกับกลุ่มตัวเอกในตอนเดินทางสู่ปราสาท Dist

Richard
อัศวินมังกรที่เหลืออยู่เป็นคนสุดท้าย มีความสามารถสื่อสารกับมังกรศักดิ์สิทธิ์ฮิริวได้ เขาถูกเลเวียธานกลืนลงท้องไปขณะออกตามหาอุตมะคาถา Ultima

Lionheart
พี่ชายร่วมสายเลือดของมาเรียที่หายสาบสูญไปในตอนต้น ไลออนฮาร์ทกลับมาอีกครั้งในบทของ Dark Knight อัศวินคู่ใจขององค์จักรพรรดิ์ เขากลับมาร่วมต่อสู้กับเหล่าพี่น้องในตอนท้ายของเรื่อง

 

 

 

 

1 - Altea & Phin

เมื่อเริ่มเกมมา หน้าที่ของเราคือตั้งชื่อตัวละครทั้งสี่ครับ จากนั้นเมื่อเริ่มเกม จะพบกับฉากเปิดเรื่อง ซึ่งพวกของฟรีโอนีลถูกไล่ล่าจากกองทหารของจักรวรรดิ์ ผลออกมาอย่างที่เห็นๆและควรจะเป็น คือโดนยำซะเละเทะ...

เมื่อฟิ้นคืนสติ ฟริโอนีลพบว่าตัวเองอยู่ในห้องกับคนแปลกหน้าสองคน มารู้ภายหลังว่าคือองค์หญิงฮิลด้าและพ่อมดมินอู ผู้ยื่นมือช่วยเหลือเขาจากกองทัพจักรวรรดิ์ หลังจากที่ทั้งสองออกจากห้องไปแล้วให้เดินตามออกไป ฟริโอนีลจะบบกับเพื่อนที่เหลือคือ มาเรียและกาย แต่เอ๊ะ ไลออนฮาร์ทหายไปไหน?

จากนั้นให้ไปที่ห้องโถงของฐานฝ่ายต่อต้าน เพื่อเรียนรู้ password คำแรกของเกมนี้ [Wild Rose]

คุ้ยเขี่ยเพื่อหาอะไรๆในฐานซักพัก เช่น Potion หรือเศษเงิน จากนั้นเมื่อออกมาจากฐานฟริโอนีลจะพบว่า ตัวเองอยู่ในเมืองของฝ่ายต่อต้านที่ชื่อ Altea จุดมุ่งหมายที่จะต้องไปคือเมือง Phin ซึ่งอยู่เยื้องไปทางทิศเหนือเล็กน้อย ตอนนี้อาวุธและคาถายังไม่จำเป็นมาก แต่แนะนำให้มีเวทย์ Cure ติดตัวไว้ก่อนซักคน

หลังจากเก็บเงินซื้อข้าวของที่จำเป็นต่อการเดินทางแล้ว ให้เดินทางขึ้นไปทางทิศเหนือ ข้ามสะพานเดินเลียบฝั่งแม่น้ำไปทางตะวันตก จะพบกับเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งชื่อ Gatea แวะเข้าไปหาข้อมูลที่นั่นเล็กน้อยๆ จากนั้นให้เดินทางไปทางเหนือของ Gatea เดินอ้อมทะเลสาปเพื่อไปยังเมือง Phin

เมื่อมาถึง Phin แล้วอย่าคุยกับใครที่นี่เป็นอันขาด เพราะเมืองนี้ตกอยู่ใต้เงื้อมมือของจักรวรรดิ์ไปเสียแล้ว (แต่ถ้าอยากตายก็ไม่ว่ากันครับ เราเตือนท่านแล้ว ^^) ให้ไปที่ด้านเหนือของเมือง เดินอ้อมกำแพงลงมาทางใต้จะพบกับ Pub แห่งหนึ่ง เดินไปที่หลังบาร์เหล้าเพื่อคุยกับบาร์เทนเดอร์ ใช้ password [Wild Rose] กับเขา เขาจะเปิดทางลับให้กับพวกของฟริโอนีล

เดินตามทางลับไปเพื่อคุ้ยเขี่ยหาสมบัติ คุยกับชายที่อยู่บนเตียงจะพบว่าเขาชื่อ Scott เป็นองค์ชายไม่ใช่ยี่ห้อรังนก ใช้ password [Wild Rose] กับเขาจะพบว่า แท้ที่จริงเขาเป็นพี่ชายของกอร์ดอนและเป็นคนรักขององค์หญิงฮิลด้า Scott อธิบายให้ทั้งสามฟังว่าตอนนี้สถานการณ์กำลังแย่เพราะ Duke Borgan ทรยศต่อราชวงศ์ Phin

จากนั้น Scott จะมอบแหวนให้กับฟริโอนีล สั่งเสียคำรักสุดท้ายให้กับฮิลด้าคนรัก และสิ้นลมไปอย่างสงบ ทั้งสามจึงเดินทางกลับไปที่ Altea

ที่ฐานลับฝ่ายต่อต้าน ฟริโอนีลเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฮิลด้าฟัง พร้อมแสดงแหวนของสก็อตเป็นการยืนยัน หลังจากโศกาอยู่พักหนึ่ง ฮิลด้าก็ทำใจได้ว่ายังมีภาระอื่นที่จำเป็นกว่าการฟูมฟาย

ดังนั้นองค์หญิงแสนสวยของเราจึงแจ้งแก่ฟริโอนีลและพรรคพวกว่า เธอต้องการหน่วยสำรวจเพื่อเอาโลหะในตำนาน [Mithril] (เป็น Password อีกคำหนึ่ง Learn มาซะ) เมื่อใช้คำว่า [Mithril] กับเธอ ฮิลด้าบอกให้เราไปที่เมือง Salamando เพื่อพบกับโจเซฟ ปัญหาคือฟริโอนีลยังไม่มีพาหนะสำหรับข้ามแม่น้ำและทะเลสาป แต่นั่นไม่เป็นปัญหา เพราะพ่อมดมินอูจะเดินทางไปกับเราด้วย ให้คุยกับมินอูจะได้เขาเป็นเพื่อนร่วมเดินทาง พร้อมกับเรือแคนูสำหรับข้ามแม่น้ำและทะเลสาปเล็กๆ

 

2 - Semite Cave

หลังจากที่ได้มินอูมาเป็นพวกแล้วให้คุยกับองค์หญิงฮิลด้า เธอจะให้ password [Warrship] มาพร้อมบอกเรื่องของฐานเรือเหาะของจักรวรรดิ์ว่า ที่กองทัพจักรวรรดิ์ได้เปรียบประเทศเพื่อนบ้านก็เพราะมีกองกำลังทางอากาศนั่นเอง ส่วนประเทศเพื่อนบ้านนั้นเล่า ที่พอจะมีก็เพียงแค่เรือเหาะเชิงพาณิชย์ที่มิอาจไปต่อกรอะไรกับใครเค้าได้ เมื่อพูด password คำว่า [Warship] กับฮิลด้า เธอจะพูดถึง Cid นักบินหนุ่มผู้เปิดบริษัท Cid เดินอากาศ อยู่ที่เมือง Poft

เอาล่ะครับทีนี้ก็ได้เวลาเดินทางกันแล้ว ถ้าเป็นไปได้ก็ควรจะเปลี่ยนชุดทองแดงจากมินอูมาให้ฟริโอนีลสวมซะ เป็นตัวประกอบจะมาใส่ชุดหรูกว่าพระเอกได้อย่างไร ^^

นั่งเรือแคนูข้ามทะเลสาปทางตอนเหนือของ Altea และเข้าไปยังเมืองที่อยู่ด้านตะวันออก ที่นี่เป็นเมืองท่าอิสระที่ชื่อ Palm มีอาวุธและอุปกรณ์ดีพอสมควรให้เลือกใช้ แต่ถ้าไม่มีเงินก็เมินไปเสียเพราะเดี๋ยวเราจะได้ของดีกว่านี้มา อ้อ... กระซิบให้นิดครับ Palm นับได้ว่าเป็นเมืองท่าของเหล่าโจรสลัดโดยแท้ โจรพวกนี้มีทั้งที่เป็นสัมมาชีพและมิจฉาชีพ ถ้ามีเงินติดตัวมากพอ เราสามารถจ่าย 32 Gil เพื่อนั่งเรือไปยังเมือง Poft ได้ แต่สำหรับพระเอกจนๆอย่างฟริโอนีลแล้ว เดินไปสะดวกกว่าแยะเลยครับ

Poft จะอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของ Palm (กด Cancel + Satrt เพื่อดูแผนที่ ใช้ได้กับทุกเวอร์ชั่น) โดยเดินเลียบอ่าวขึ้นไปเรื่อยๆและวกลงทางใต้ ที่นี่มีอะไรดีๆขายแยะอยู่เหมือนกัน ใน Pub ของเมืองนี้เราจะพบกับบริษัทเดินอากาศของ Cid พร้อมด้วยเรือเหาะชั้นดีที่เพียบพร้อมด้วยบริการอย่างวิเศษ พร้อมจะพาผู้โดยสารไปยังจุดแวะต่างๆของสายการบิน เช่น Bofsk, Salamando, Kashuon หรือแม้แต่ถ้ำที่น้ำตกเซมิเต้(Semite) แจ๋วไหมล่ะครับ แต่ว่าเมื่อเทียบกับราคาค่าโดยสารแล้ว... เดินไปด้วยเท้านี่แหละคุ้มกว่า -_-'

ศัตรูตามรายทางเริ่มเยอะมากขึ้น ซึ่งก็เป็นโอกาสอันดีที่จะสะสมเงิน + ฝึก Skil ต่างๆของพวกฟริโอนีลครับ ถ้าซื้อคาถาไฟติดมาด้วยก็ฝึกซะให้ขึ้น Level2 เนื่องจากจำเป็ต้องใช้กับบอสบางตัวในอนาคตอันใกล้ ถ้าเจอศัตรูกลุ่มใหญ่ๆแล้วล่ะก็จงดีใจไว้นะครับ พวกนี้น่ะเงินเดินได้ทั้งนั้น ^^

ถึงจะงกอย่างไร เมื่อมาถึง Salamando แล้ว ซื้ออาวุธใหม่เปลี่ยนบ้างก็ดีครับ ซื้อดาบยาวให้กับฟริโอนีล ขวานกับธนูใหม่ให้กับกายและมาเรียตามลำดับ ที่บ้านทางซีกตะวันออกของเมืองนี้เราสามารถเข้าไปคุยกับโจเซฟ โดยเมื่อคุยกับเขาด้วย Password ทั้งสี่คำที่เรามีอยู่ เราจะได้ข่าวสารต่างกันไปจากเขา แต่ที่แน่ๆจากปากคำ ตาเหม่งโจเซฟนี่มองโลกในแง่ร้ายอยู่พอสมควร เก็บเงินและฝึกอาวุธให้ถึงซัก Level3 พักผ่อนให้เต็มตา จากนั้นก็ไปที่ถ้ำน้ำตกเซมิเต้กันเลยครับ

การจะไปยังถ้ำน้ำตกเซมิเต้นั้น ให้เดินไปทางตะวันตกของเมือง Salamando เมื่อสุดทางให้นั่งเรือแคนูย้อนกลับไปทางตะวันออก ดังภาพ ศัตรูที่นี่ค่อนข้างโหดเอาการครับ แต่ถ้าซื้ออาวุธและเครื่องป้องกันมาเปลี่ยนใหม่แล้ว พวกมันก็ได้แต่เมียงๆมองๆสะกิดเราให้คันเล่นเท่านั้นแหละ ถ้ำนี้มีสมบัติอยู่พอสมควร แต่ก็นั่นแหละ เป็นเศษสมบัติที่แทบจะไม่มีประโยชน์กับผู้กล้าจนกรอบอย่างพวกของฟริโอนีลเล๊ย...

ทางแยกที่นี่ค่อนข้างซับซ้อนและสับสน เอาเป็นว่าใช้ความสามารถผ่านไปให้ได้ละกันนะครับ เป็นถึงผู้กล้าคงไม่มาจนแต้มกับดันเจี้ยนเล็กๆอย่างถ้ำเซมิเต้หรอก จริงไหม :)

ที่ห้องหนึ่งเราจะพบกับเหล่าทาสที่จักวรรดิ์เกณฑ์มาใช้แรงงานจากที่ต่างๆ ที่นี่เราจะพบกับเนลลี่ลูกสาวของโจเซฟ รวมทั้งนินจาฝ่ายคุณธรรมชื่อพอล พวกเขาจะขอบคุณเราที่มาช่วย พอลจะพาชาวบ้านหนี ไปส่วนเรามีภารกิจที่จะต้องสะสางต่อ นั่นคือการไปเอามิทธริลมาจากส่วนลึกของเหมืองครับ

ทีนี่มีคาถาให้เก็บสองคาถาคือ Fire และ Warp (บางเวอร์ชั่นอาจเรียก Exit) แน่นอนว่ามีตัวร้ายคอยเฝ้าตามระเบียบ สำหรับหีบที่เก็บคาถาวาร์ปนั้นตัวเฝ้าหีบคือ Land Turtle ค่อนข้างร้ายทีเดียว แต่ถ้ามีเวทย์ Ice มาด้วย ร่ายใส่มันซักสองครั้งมันก็ไปสวรรค์แล้วครับ

ที่ห้องท้ายสุด พวกของฟริโอนีลต้องเผชิญกับนายทหารผู้คุมเหมืองแห่งนี้ ถ้า HP เราต่ำกว่า 150 อาจจะลำบากหน่อย จัดการส่งมันไปเลื่อนยศที่นรกซะ เก็บมิทธริลจากในหีบแล้ววาร์ปออกจากถ้ำ (หรือจะเดินก็ได้นะครับ อันนี้ไม่ว่ากัน)

 

 

 

 

 

 

3 - Bofsk Sewers

กลับไปที่เมือง Altea ไปที่ร้านอาวุธเพื่อมอบมิทธริลให้กับช่างทำอาวุธ Tobul รอซักครู่เขาจะจัดแจงตีอาวุธมิทธริลให้กับเรา (แต่ต้องซื้อนะครับ วัตถุดิบเรามีให้ก็จริง แต่ค่าแรงล่ะ จริงไหม หึ หึ...) สนนราคาแต่ละชิ้นก็ใช่ว่าจะถูกๆ โดยอาวุธมิทธริลนี้จะมีขายอยู่ที่ Altea, Parm และเมืองใกล้เคียงครับ ชอบอะไรอย่างไหนก็เดินทางไปเลือกซื้อได้ตามสะดวก

ไม่มี Gil พอที่จะซื้ออาวุธ mithril จะทำอย่างไรดี?

ใช่ครับตรงนี้เป็นปัญหาอย่างแน่นอน เพราะอาวุธพวกนี้แพงไม่ใช่เล่น ขัดกับฐานะทางการเงินของพวกฟริโอนีลเป็นยิ่งนัก แล้วจะปล้นใครที่ไหนมาซื้อดีล่ะ?

อันนี้ไม่ยากครับ เป็นทริคหาเงินแบบง่ายๆซึ่งจะทำตอนไหนก็ได้ในช่วงต้นของเกม แต่ผมแนะนำให้ทำตอนที่มินอูยังอยู่ในกลุ่ม (ตีมิทธริลเสร็จอย่าเพิ่งไปพบฮิลด้า) ให้ฝึกคาถา Ice และ Fire ให้ได้ซักระดับ 2 ขึ้นไป ปั๊ม HP ให้ได้ซัก 150 ขึ้น แล้วเดินไปทางตอนเหนือของเมือง Phin ที่เป็ป่าชายเลนดังภาพ

จากนั้นก็สู้กับศัตรูในบริเวณนี้ หมั่นเซฟบ่อยๆเพราะท่านอาจตายได้โดยไม่รู้ตัว ศัตรูที่มีชุกชุมมากก็เช่น Orge, Orge Mage, Land Turtle และเจ้าพ่อมดตัวแสบ ตัวที่เป็นปัญหาน่าจะเป็นเจ้าแลนด์ เตอร์เติ้ลครับ ให้ใช้ Ice กับมันซะจะกำจัดได้ง่าย นอกนั้นก็ดวง+ HP ล่ะครับ

ศัตรูในบริเวณนี้ให้เงินไม่แยะหรอก แต่ถ้าดวงดีเราจะได้คาถา + Item ราคาแพงๆมาไว้ เช่น คาถา Bersk, Sleep หรือ Blind ซึ่งเอาไปขายแล้วอย่างต่ำชิ้นละ 1500 Gil โดยเฉลี่ย และในบางครั้งสู้รอบนึงเอาไอเท็มไปขายได้เงินเกือบหมื่น Gil แน่ะ เงินขนาดนี้จะซื้อ Mithril มาถมที่ที่บ้านเล่นก็ยังไหว ^^

เจ้าพ่อมดตัวด้านบนแหละครับสำคัญสุด เพราะนอกจากคาถาแพงๆที่เราฆ่าชิงทรัพย์มันมาแล้ว ยังมีอาวุธอีกอย่างที่ดวงดีจริงๆถึงจะได้มาก็คือ Mage Rod ที่มีพลังโจมตีแรงสุดๆในช่วงแรก-กลางเกม อันนี้แล้วแต่ดวงครับ บางทีสู้ครั้งสองครั้งก็ได้มาแล้ว แต่บางครั้งต้องเดินหาอยู่เป็นชั่วโมงๆ แต่หาไว้เถอะครับ เพราะมันจะทำให้กลุ่มของเราแข็งแกร่งขึ้นอีกแยะเลย เลือกติดให้ใครก็ได้ที่ฝึกไม้เท้าเอาไว้

เอ้าเรามาเข้าเรื่องกันต่อครับ หลังจากที่ Tobul ตีอาวุธให้เราแล้ว ให้กลับไปรายงานตัวกับองค์หญิงฮิลด้า ถ้าหวังว่าองค์หญิงจะมอบโบนัส หรือขึ้นเงินเดือนให้เราเอาไว้ซื้อมิทธริลล่ะก็ ผิดถนัดครับ เธอจะมอบงานอีกชิ้นมาให้เราแทน โดยเมื่อพูด password คำว่า [Warship] กับเธอแล้ว เธอจะมอบหมายให้เราไปประสานงานกับสปายของฝ่ายต่อต้านที่เมือง Bofsk ที่ซึ่งกำลังมีการสร้างเรือเหาะขนาดใหญ่ด้วยแรงงานทาสจากเมืองต่างๆอยู่

ระหว่างทางเดินลองแวะมาเยี่ยม Cid ดูท่าจะดี ไม่เสียเที่ยวเลยครับ พวกของฟริโอนีลทราบจากปากคำของ Cid ว่าที่ Bofsk มีฐานเรือเหาะขนาดใหญ่อยู่จริงๆ และจากปากคำของตัวประกอบอื่นๆ ทำให้ทราบเพิ่มเติมมาอีกว่า ฝ่ายต่อต้านได้ส่งสปายเข้าไปปะปนในฐานเรือเหาะเรียบร้อยแล้ว

ไปกันถูกไหมเอ่ย ถ้าไม่ถูกให้ดูแผนที่ หรือถ้ายังงั้นก็ฟังคำใบ้นี้ จากเมือง Salamando ให้ไปทางทิศตะวันออก ผ่านทิวเขาเล็กๆที่มีป่าล้อมรอบ ถ้าไปถูกทางล่ะก็ เราจะมองเห็นฐานเรือเหาะและตัวเมือง แต่ว่ากันว่า Duke Borgan และมือขวาคนใหม่ขององค์จักรพรรดิ์ที่ชื่อ Dark Knight เป็นคนคอยอำนวยการสร้างเรือเหาะอยู่ที่นี่ อืมห์ มีแววจะได้บู๊กันแล้วสินะ

เมื่อเข้าไปในเมือง พวกฟริโอนีลจะพบภาพการเกณฑ์และควบคุมการสร้างเรืออยู่ โดยมี Duke Borgan ยืนเด่นเป็นศรีสง่าน่าถีบยิ่งนัก เอาเถอะครับ ระงับความหมั่นไส้เอาไว้ก่อน หน้าที่ของเราคือเข้าไปทำลายเรือลำนี้ซะ ให้ลองเดินไปทางใต้ของเมือง จะพบกับสปายของเรารออยู่ บอก password [Warship] กับเขาแล้วเขาจะเปิดทางให้ เย้! ไปกันต่อเลย

มอนสเตอร์ที่นี่ไม่ร้ายเท่าไหร่ หนทางก็ไม่ซับซ้อนมาก ใช้สติปัญญาและความสามารถเคลียร์ทางกัน เองนะจ๊ะ

ที่สุดปลายทาง เราจะพบกับ Dark Knight ยืนรอเราอยู่ มันจะหัวเราะเยาะเย้ยว่าเสียใจไอ้น้อง มาช้าไปเสียแล้ว จากนั้น Dark Knight ก็ขึ้นเรือเหาะจากไป ปล่อยให้พวกของฟริโอนีลยืนอึ้งกิมกี่อยู่พักนึง ว่าทำไมพวกตูข้าไม่รู้จักขัดขวางมันฟระ -"-

เอาล่ะครับ ไหนๆก็ไหนๆอย่ามัวแต่ซึมไปเลย ให้กลับเข้ามาที่ทางใต้ดินอีกครั้ง คราวนี้เดินไปด้านขวาและเข้าประตูไป ในห้องนั้นจะมีหีบอยู่ใบหนึ่ง สำรวจแล้วเราจะได้ pass มา จากนั้นไปยืนบนจุดวาร์ปเพื่อวาร์ปออกจากฐานแห่งนี้

รีบกลับไปรายงานองค์หญิงก่อนดีกว่า ขากลับให้แวะไปพบกับ Cid ที่เมือง Poft คุยกับเขาและใช้ password [Airship] แล้ว Cid จะบอกว่าเรือเหาะของเขาก็ใช้เตาปฏิกรณ์ [Sun Flame] ในการขับเคลื่อนเช่นกัน ทำไมศัพท์มันฟังแล้ววิศวกรจัง ไม่ค่อยเข้าใจเลย เอาน่า... เก็บไว้ถามองค์หญิงก็ได้ฟะ

เมื่อกลับมาถึง Altea แล้วจะพบว่าบ้านเมืองถูกระเบิดจากเรือเหาะยับเยินไปหมด ก่อนจะเข้าเฝ้าองค์หญิงให้จัดการเปลื้องผ้าผ่อนของมินอูออกก่อน เพราะเขาจะออกจากกลุ่มแล้ว จากนั้นไปคุยกับฮิลด้า เธอจะรั้งตัวมินอูไว้เนื่องจากมีคนบาดเจ็บจากการโจมตีครั้งนี้มากมาย ชาวเมืองต้องการความช่วยเหลือจากนักเวทย์ขาว จากนั้นให้ไปพบพระราชาที่ห้องด้านขวา ใช้ password [Sun Flame] พระราชาจะพูดถึงกระดิ่งเทพธิดา หรือ [Holy Bell] (ฉบับ Famicom ใช้คำว่า [Goddess Bell] อันเดียวกันครับ) และมีเพียงทายาทของตระกูลแห่ง Kashuon เท่านั้นที่รู้แหล่งเก็บและวิธีใช้มัน ทายาทรึ... Scott ก็ตายไปแล้ว เหลือแต่ Gordon สินะ

แต่ดูเหมือนว่าเจ้าขี้แย Gordon เตลิดหายไประหว่างการโจมตีของเรือเหาะ ให้ถามองค์หญิงฮิลด้าเรื่องของ [Holy Bell] (หรือ [Goddess Bell]) เธอจะบอกกับเราว่า Josef แห่งเมือง Salamando เคยพูดเรื่องนี้กับเธอเมื่อนานมาแล้ว

เตรียมข้าวของให้พร้อมซะ ทริปต่อไปของเราคือ Salamando ครับ

4 - Snow Cave

เมื่อถึงเมือง Salamando ให้แวะเข้าไปที่บ้านมุมบนขวา คุยกับโจเซฟและบอก password [Holy Bell] กับเขา โจเซฟจะผงกศีรษะโป๊งเหน่งแว่บนึง แล้วบอกว่ากระดิ่งนั้นซ่อนอยู่ในถ้ำหิมะ แต่การที่จะไปยังถ้ำหิมะได้นั้นต้องอาศัยเรือหิมะพาเข้าไป บังเอิญว่าเขามีอยู่ลำนึงซึ่งซ่อนไว้ในถ้ำที่น้ำตกเซมิเต้ โดยทำเครื่องหมายเป็นหินสีน้ำเงินเอาไว้ จากนั้นโจเซฟจะร่วมเดินทางไปกับเราด้วย เพื่อเป็นการตอบแทนที่ช่วยเนลลี่ลูกสาวของเขาและชาวเมือง Salamando เอาไว้เมื่อคราวก่อน

โจเซฟมี Job เป็น Monk หรือ Fighter หรืออะไรประมาณนั้นแหละครับ ถนัดการโจมตีด้วยมือเปล่า มีไม้ตายคือเปล่งแสงจากหัวเหม่ง (เชื่อผมไหมเนี่ย ^^!) เพราะงั้นการซื้ออาวุธหรือโล่ห์ให้กับเขา จึงเป็นเรื่องไม่จำเป็นครับ

ไปที่ถ้ำน้ำตกเซมิเต้ เดินเข้าไปจนถึงก้อนหินสีน้ำเงิน สำรวจกำแพงทางตะวันออกเฉียงเหนือ โจเซฟจะเอาหัวโขกกำแพงให้พังเพื่อพาเราเข้าไปเอาเรือ สำรวจหีบในห้องนั้นก็จะได้เรือหิมะมา จากนั้นออกจากถ้ำซะ

เมื่อได้เรือมาแล้วให้ออกจากถ้ำ ไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จนถึงทางระหว่างภูเขาที่มีทุ่งหิมะอยู่ ตามภาพนี้เลยครับ

จากนั้นให้แล่นเรือไปเรื่อยๆ เพื่อค้นหาปากทางเข้าถ้ำหิมะ ศัตรูแถบนี้ส่วนใหญ่เป็นพวกที่มีธาตุ Ice ใช้ไฟเล่นงานพวกมันได้ง่ายๆ ถือเป็นการอัพเลเวลเวทย์ไฟไปในตัว นั่งเรือหิมะไปทางทิศตะวันออกเรื่อยๆเราก็จะพบกับทางเข้าของถ้ำหิมะ

ที่นี่ทางไม่ซับซ้อนมาก แต่ค่อนข้างเป็นฉากใหญ่ อาจหลงทางได้ง่ายๆเพราะงั้นจำทางให้ดีด้วยนะครับ มอนสเตอร์ก็เก่งขึ้นพอสมควร หาก Level อาวุธต่ำกว่า 3-4 ดีไม่ดีอาจหงุดหงิดเอาง่ายๆ เพราะบางทีพวกมันเล่นยกขโยงกันออกมาแบบนี้! กะรุมกินโต๊ะกันเลยนี่หว่า -_-'

ในถ้ำหิมะมีคาถา Ice ให้เก็บ รวมทั้ง Great Sword (บางเวอร์ชั่นใช้คำว่า Ancient Sword) ให้เก็บ โดยมีซอมบี้นอนเฝ้าอยู่ก้นหีบ ถ้ามีดาบมิทธริลอยู่แล้วก็ใช้ดาบมิทธริลดีกว่าครับ เพราะเปอร์เซ็นต์โจมตีของดาบมิทธริลดีกว่าแยะเลย

ที่ชั้นที่ 5 จะมีประตูอยู่มุมขวาล่าง ซึ่งนำไปสู่ที่อยู่ของพวก Beaver (prototype ของ Mog แหละท่าน) ใช้ passwprd [Holy Bell] กับหัวหน้าของ Beaver กายจะบอกว่าเขาเข้าใจภาษาของพวกมัน (พี่แกพูดภาษาสัตว์ได้นี่นะ)

Mog เอ๊ย Beaver ตัวนั้นจะบอกว่า หนทางไปสู่กระดิ่ง Holy Bell นั้นซ่อนอยู่แถวกำแพงในถ้ำนี้แหละ ให้เราสำรวจกำแพงด้านขวาของถ้ำ จะมีอยู่จุดหนึ่งที่ทะลุผ่านเข้าไปได้

เมื่อมาถึงสุดทาง พวกของฟริโอนีลต้องปะทะกับบอส ผู้ทำตัวเป็นการ์ดอารักขากระดึง เอ๊ย ... กระดิ่ง เจ้า Adamanti ตัวนี้กระดองมันแข็งมากครับ อาวุธธรรมดาไม่ระคายผิวพี่แกหรอก แต่ถ้าเรามีคาถา Ice มาด้วย 2-3 ฉัวะเท่านั้นแหละ... ฟุบ!

เก็บกระดิ่ง Holy Bell แล้วเดินออกมาทางประตูลัด ฟริโอนีลจะพบว่าอริเก่า Borgan ยืนยิ้มแฉ่งรออยู่ ดยุค Borgan จอมเจ้าเล่ห์ขู่ให้พวกของฟริโอนีลมอบกระดิ่งให้กับมัน แล้วมันจะยอมไว้ชีวิต ชิชะ... วาจาสามหาว ลุยกันหน่อยเป็นไร

ไม่ทันจะกระพริบตา Borgan ก็ฟุบเสียแล้ว ตัวประกอบก็งี้แหละครับอายุมักจะสั้น ขณะที่ฟริโอนีลและพวกกำลังจะออกจากถ้ำ Borgan ผู้หวังฝากวีรกรรมไว้ในฐานะตัวประกอบยอดเยี่ยม ก็เปิดกลไกในถ้ำ ปล่อยหินลูกใหญ่หมายขยี้พวกของฟริโอนีล โจเซฟร้องเตือนให้พวกของฟริโอนีลสวมวิญญาน Indiana Jones วิ่งหนีหินไปให้เร็วที่สุด ส่วนตัวเองสวมวิญญาณเสี้ยวลิ้มยี่เอาหัวเหม่งมาทานเอาไว้ โจเซฟ ผู้นำแห่งเมือง Salamando จึงทิ้งชีวิตไว้ที่ถ้ำหิมะในลักษณะนี้

ยืนไว้อาลัยให้พี่เหม่งแกซักแป๊บละกัน จากนั้นออกจากถ้ำหิมะไป

5 - Kashuon Castle

ก่อนจะมุ่งหน้าสู่ Kashuon ควรมีคาถา Life ติดตัวไปด้วยอย่างน้อย 2 คนครับ ฦึกคาถา Ice ให้ Level มากกว่า 2 เพราะที่นั่น ท่านจะได้เจอกับเจ้าอาดามันไทต์เป็นฝูงเลยแหละ

การจะไปที่ปราสาทคาชิวออนได้นั้นสามารถไปได้ 2 ทางครับ คือโดยสารไปกับบริการเรือเหาะของ Cid หรือไม่ก็วิธีเดิมๆของเราครับคือ... เดินมันด้วยเท้านี่แหละ โดยมุ่งหน้าไปทางตะวันออกเฉียงใต้จาก Bosfk จนกระทั่งพบทิวเขาขนาดใหญ่ มุ่งไปทางตะวันออกและลอดตามช่องเขามา จนกระทั่งพบแนวเขารูปจันทร์เสี้ยวอย่างในภาพ และมีปราสาทตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างแนวเขานั้น นั่นแหละครับปราสาทคาชิวออน Save เกมกันเหนียวเอาไว้ แล้วบุกเข้าไปกันเลยครับ

มอนสเตอร์ที่นี่ก็หน้าเดิมที่เคยเจอมาตามรายทางครับ แต่เพิ่มปริมาณมากขึ้นอีกโข พวกของฟริโอนีลจะใช้ Holy Bell ในการปลดล็อคประตูของปราสาทคาชิวออน ทันทีที่สิ้นเสียงกระดิ่งประตูก็เปิดผางออก ที่ด้านในพวกของฟริโอนีลจะพบกับอาลีบาบา เอ๊ย... กอร์ดอนรออยู่

เจ้าขี้แยกอร์ดอนบอกกับเราว่า เขาสำนึกถึงภาระของทายาทแห่งคาชิวออน และตั้งใจสานต่อปณิธานของ Scott ผู้เป็นพี่ชาย จึงเดินทางกลับมาที่ปราสาท เพื่อจะนำคบเพลิง Egil Torch ไปจุดไฟอาทิตย์หรือ [Sun Flame] จากห้องโถงหน้าปราสาท แต่ติดขัดที่มีมอนสเตอร์ซึ่งบริโภคไฟเป็นอาหารเฝ้าอยู่ เขาจึงจนใจไม่รู้จะทำอย่างไรนี่แหละ ให้รับกอร์ดอนเข้ากลุ่ม ปั๊ม HP และ Weapon skill ให้เขาเล็กน้อย จากนั้นลุยเข้าไปในปราสาทกันต่อเลยครับ

จากนั้นก็ลุยเข้าไปในตัวปราสาทกันเลยครับ ณ ที่นี้ท่านจะได้พบกับฝูง Land Turtle มากมาย ปะเหมาะเคราะห์ดีเจ้าอันดามันไทต์ก็จะแจมมาด้วย อาวุธของเราใช้ไม่ค่อยได้ผลกับมันนัก ดังนั้นผมจึงเตือนไว้ว่าให้ฝึกคาถา Ice มาไงครับ ทิ่มมันด้วยหอกน้ำแข็งจากคาถา Ice Level 2-3 ซะ วงศาคณาเต่าพวกนี้จะไม่มีฤทธิ์มีเดชอะไรกับเราเลย

เก็บข้าวของตามรายทางซะให้หมด คาชิวออนสมกับเป็นปราสาทที่เคยรุ่งเรืองมาก่อน มีของดีๆให้เก็บมากมาย ส่วนที่ไม่อยากให้พลาดไปคือไม้เท้า Were Buster ที่เอาไว้ใช้เล่นงานพวกมอนสเตอร์มีพิษโดยเฉพาะ และโล่ห์ Gold Shield ซึ่งมีพวก Mage เฝ้าอยู่ ส่วนในการต่อสู้ทั่วไปนั้น ถ้าโชคดี เราจะได้ Dimond Shield จากเจ้าอันดามันไทต์ด้วยครับ ดีกว่า Gold เป็นไหนๆ และเมื่อมาถึงสุดทางที่จะเอา Egil Torch จะมีบอสยืนยิ้มแฉ่งรอการมาของเราอยู่

Red Soul คือชื่อของบอสตนนั้น HP มันไม่แยะหรอกครับ แต่สามารถดูดกลืนคาถาหลายสายของเราได้ เพราะงั้นคงต้องล่อกับมันด้วยอาวุธเพียวๆ คอยระวัง HP ของพวกเราเอาไว้อย่าให้ต่ำเกินไป พยายามรักษาพิษหากใครเกิดติดเข้า เพราะ Red Soul ชอบเล่นงานเราด้วย Bio Level 8 เพียงเท่านั้นเราก็ดับมันลงได้ตลอดกาลแล้ว

เมื่อได้ Egil Torch มาแล้วให้กลับมาที่ชั้นหนึ่งของปราสาท มาที่คบไฟอันสะดุดตาหน้าทางเข้า จัดการใช้ Egil Torch เพื่อจุดไฟ และแล้วเราก็จะได้ Sun Flame มา เย้! Way to go!

แต่เมื่อออกมานอกปราสาทแล้ว หืม? นั่นมันอะไรกัน มีเรือเหาะลำหนึ่งซึ่งเราจำได้ว่าเป็นเรือของ Cid ถูกเรือรบของจักรวรรดิ์จับไป มันเกิดอะไรขึ้นกันรึ? กลับไปถามองค์หญิงที่เมือง Altea ท่าจะดี

ถ้าขี้เกียจเดินกลับเพราะระยะทางค่อนข้างไกลล่ะก็ ทางตอนใต้ของปราสาทคาชิวออนจะมีป่า Chocobo อยู่ครับ บริเวณในภาพนั่นแหละ เดินเข้าไปในป่าจะพบกับ Chocobo เราสามารถขี่มันเดินทางได้ เพื่อหลบเลี่ยงจากศัตรูตามรายทาง

กลับมาถึง Altea แล้วแวะเข้าไปที่ฐานของฝ่ายต่อต้าน เราจะทราบว่าองค์หญิงฮิลด้าถูกจับตัวไป เนื่องจากเธอเป็นห่วงพวกของฟริโอนีล และบังคับให้ Cid พาเธอไปที่ปราสาทคาชิวออน แต่โชคร้ายที่เรือเหาะของ Cid ดันไปจ๊ะเอ๋เข้ากับเรือของฝ่ายจักรวรรดิ์เสียก่อน หลังจากคุยกับหลายๆคนในปราสาท พวกของฟริโอนีลจะทราบว่า ตอนนี้เรือเหาะของฝ่ายจักรวรรดิ์ กำลังจอดเพื่อเติมเชื้อเพลิง และซ่อมแซมบางส่วนอยู่ทางตอนเหนือของเมือง Phin เอาล่ะ เป็นโอกาสของเราแล้ว ที่จะบอมบ์มันให้ป่นเป็นผงพร้อมๆกับองค์หญิงที่ถูกจับไป เอ๊ย... ไม่ช่าย ช่วยองค์หญิงออกมาก่อนสิครับ แล้วค่อยบอมบ์เรือเหาะด้วย Sun Flame

6 - The Warship

มาถึงขั้นนี้แล้ว Level อาวุธของแต่ละคนควรจะอย่างต่ำซักประมาณ 5 ส่วนคาถาพื้นฐานเช่น Fire, Ice, Thunder ก็น่าจะอยู่ราวๆ Level 3-4 ที่ลืมไม่ได้คือคาถา Esuna ครับ เพราะศัตรูในฐานเรือเหาะส่วนใหญ่จะใช้พิษ หรือไม่ก็ทำให้เราตาบอด เพราะฉะนั้นถ้าไม่ฝึกคาถาเอาไว้ ก็ตุนไอเท็มไปแยะๆแทนละกันนะ

การไปยังฐานเรือเหาะจะต้องผ่านบริเวณที่มีมอนสเตอร์โหดๆสุมหัวอยู่ครับ ถ้าอยากหลีกเลี่ยงการต่อสู้ก็อาศัย Chocobo ที่ปราสาทคาชิวออนเอา หรือไม่ก็ใช้วิธีเดิมของเราครับ คือเดินมันด้วยเท้านี่แหละ ฐานเรือเหาะจะอยู่ทางตอนเหนือของเมือง Phin โดยเดินผ่านป่าชายเลนมุ่งขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ เราก็จะพบเรือเหาะลำใหญ่จอดอ้อยสร้อยอยู่เพื่อรอการซ่อมแซม

เมื่อเข้าไปในเรือเหาะแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำคือตอกบัตร เอ๊ย แสดงบัตรผ่านกับคุณ รปภ. ที่อยู่หน้าทางเข้า ให้ใช้ไอเท็ม Pass ที่ได้มาเมื่อครั้งก่อนกับเขา แล้วคุณ รปภ. จะปล่อยให้พวกของฟริโอนีลเข้าไปในเรือเหาะได้ แต่ว่าทันทีที่เราเข้าไปในเรือ เสียงประกาศการปิดทางเข้าออกจนกว่าจะซ่อมแซมเรือเสร็จก็ดังขึ้น นั่นหมายความว่า เราจะไม่มีสิทธิออกจากเรือลำนี้ได้เลย จนกว่าภารกิจจะบรรลุเป้า

อ้อ ระวังด้วยนะครับ อย่าเผลอไปคุยกับใครในนี้เข้าเชียว ไม่อย่างนั้นอาจตายได้ง่ายๆ เลี่ยงได้ก็เลี่ยงไปซะ ที่บันไดตรงกลางห้องโถงชั้นแรกจะนำลงไปสู่ชั้นเก็บของ ให้เราเดินทะลุกำแพงลวงไปด้านขวา เพื่อเก็บ Sleep Sword อันจะมีประโยชน์มากเมื่อสู้กับบอส แต่กับศัตรูธรรมดาอย่าใช้ดีกว่าครับ เพราะ % hit ของดาบเล่มนี้น้อยมากเลย จากนั้นให้เดินกลับขึ้นมาที่ห้องโถงใหม่อีกครั้ง

จากนั้นให้เข้าประตูด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ลงบันไดไปสู่ชั้นล่าง เก็บธนูและ Thief Gauntlet จากนั้นก็ไปที่คุกซึ่งขังฮิลด้ากับ Cid เมื่อคุยกับ Cid แล้วเขาจะบอกว่าเขาจะพาองค์หญิงหนีไปก่อน ส่วนเรามีหน้าที่เอาไฟอาทิตย์เข้าไปปาลงในเตาปฏิกรณ์ของเรือเหาะ เพื่อทำให้เรือใช้การไม่ได้ จากนั้นให้กลับขึ้นมาที่ห้องโถงชั้นแรกอีกครั้ง

จากนั้นให้เลือกไปทางบันไดด้านตะวันตกเฉียงใต้ และหาทางไปต่อยังห้องเครื่อง มอนสเตอร์ส่วนใหญในนี้เป็นพวก Undead ครับ ถ้า Level ของคาถาไฟเราสูงพอ ให้ใช้คาถากวาดพวกมันทั้งก๊กในครั้งเดียว จะช่วยประหยัดเวลาให้เราได้มาก

จุดที่ไม่ควรพลาดอีกจุด คือหีบสามใบที่เก็บไอเท็มดีๆเอาไว้ หนึ่งในนั้นคือหมวกยักษ์ที่ Hell Gigas นั่งเฝ้าอยู่ เจ้านี่มีพลังป้องกันสูงมาก พยายามล้มมันด้วยคาถาจะดีที่สุด

เมื่อลงมาถึงห้องที่มีลักษณะดังภาพนี้ พวกฟริโอนีลจะพบว่า มี Captain Phin เฝ้ายืนดักอยู่เป็นจุดๆ อย่าไปคุยกับมันเชียวนะครับ ให้ใช้วิธีเดินเลี่ยง โดยจุดไหนที่มีพวกมันขวางทางอยู่ ก็ให้เลี่ยงไปทางอื่น หลังจากเดินอ้อมโลกได้พักนึง เราก็จะพบกับทางเข้าสู่ห้องเครื่องของเรือเหาะ

หลบเลี่ยงมาจนถึงห้องเครื่องเรือแล้ว ให้เราจัดการเอาไฟอาทิตย์หรือ [Sun Flame] ปาเข้าในเตาปฏิกรณ์ของเรือซะ พอดีจริงๆครับ ที่ Dark Knight มือขวาของจักรพรรดิ์บาราเมเกียมาเห็นเข้า Dark Knight รู้ตัวดีว่าขัดขวางเราไม่ทันแล้ว จึงได้รีบหนีไปก่อนที่เรือเหาะจะระเบิด มันฝากคำอาฆาตเอาไว้ก่อนจะจากไป มาเรียบอกกับพรรคพวกว่า เสียงของ Dark Knight ฟังแล้วคุ้นหูอย่างบอกไม่ถูก...

ว่าแล้วเธอก็นั่งขบคิดว่าเคยได้ยินเสียงนั้นจากที่ไหนมาก่อน ร้อนถึงฟริโอนีลและพรรคพวก ที่ต้องฉุดกระชากลากถูเธอออกไป เนื่องจากเรือกำลังจะระเบิดเพราะเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ในเตาปฏิกรณ์ หลังจากหนีออกมาอย่างทุลักทุเล Cid ซึ่งอุ่นเครื่องเรือเหาะรออยู่แล้ว ก็ได้พาพวกของเรากลับมาที่เมือง Altea

ก่อนเข้าเมือง ให้เราจัดแจงเปลื้องชุดเกราะและอาวุธของกอร์ดอนออกให้หมด จากนั้นก็เข้าไปที่ฐานทัพเพื่อพบกับพระราชา โชคไม่ดีเลยครับที่อาการของพระราชากำลังทรุด แถมฮิลด้าก็ดูเหมือนจะสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คาดว่าคงเป็นเพราะความตระหนกที่ถูกจับตัวไปนั่นเอง งูที่ไร้หัวย่อมเลื้อยไปไหนไม่ได้เป็นแม่นมั่น ดังนั้นพระราชาจึงฝากทุกสิ่งทุกอย่างไว้กับเจ้าขี้แยกอร์ดอน เพราะเล็งเห็นแล้วว่า จากการต่อสู้ที่ผ่านมา กอร์ดอนแสดงความกล้าหาญและมีผลงานเป็นที่ประจักษ์

จากนั้นพระราชาได้มอบหมายให้พ่อมดขาวมินอู เดินทางไปยังมิชิเดีย เพื่อหาทางปลดผนึกคาถาในตำนาน ที่เรียกกันว่าอุตมะคาถา Ultima ส่วนพวกของฟริโอนีล ต้องเดินทางไปยังปราสาท Dist เพื่อขอความร่วมมือจากอัศวินมังกร ให้มาช่วยรับมือกับกองทัพของฝ่ายจักรวรรดิ์ สั่งเสียเสร็จพระราชาก็สิ้นลมไป

อ้อ... ยังไม่หมดลมเลยเสียทีเดียว เพราะพระองค์ทรงนึกได้ว่าลืมสั่งไปเรื่องนึง จึงผงกหัวขึ้นมาฝากฝังฮิลด้ากับพวกของฟริโอนีล และแล้วพระองค์ก็จากไปอย่างสง่างามของศักดิ์ศรีตัวประกอบยิ่งนัก

เมื่อไปที่ห้องบัญชาการ เราจะพบเจ้าขี้แย... เอ๊ย ผบ.กอร์ดอนรออยู่ที่นั่น เขาจะให้พาสเวิร์ด [Dragoons] กับเรามา เมื่อใช้พาสเวิร์ดนี้กับเขา เขาจะให้พาสเวิร์ดว่า J-Render เอ๊ย... [Hiryu] มาอีกหนึ่งคำ คราวนี้ก็ถึงเวลาหาทางไปยังปราสาท Dist แล้วครับ แต่ปราสาทนั้นอยู่กลางทะเล สงสัยจะใช้วิธีเดินเท้าอย่างที่เคยทำมาไม่ได้แล้วสิ เอ... ทำอย่างไรละนอทีนี้...

ถ้าอย่างนั้นลองไปที่ท่าเรือเมือง Palm กันดู เผื่อจะมีเรือซักลำพาเราไปที่นั่นได้ เมื่อถึงเมือง palm เราจะพบกับเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่ง บอกว่าเธอสามารถหาเรือให้พวกของฟริโอนีลใช้โดยสารไปยัง Dist ได้ มาเรียรู้สึกไม่ชอบมาพากลกับข้อเสนอนี้ จึงพยายามห้ามทุกคนเอาไว้ แต่พ่อฟริโอนีลนั้นพอเห็นสาวๆเข้าหน่อยก็เข่าอ่อน เดินพาพรรคพวกขึ้นเรือไปโดยไม่แยแสคำทักท้วงของมาเรีย

เมื่อเรือแล่นไปถึงกลางทะเล หมาป่าสาวก็สลัดคราบลูกแกะออก เด็กคนนั้นแท้ที่จริงคือไรล่า สลัดสาวผู้มีลูกน้องเป็นชายอกสามศอกหนึ่งฝูง ไรล่าบอกว่าถ้าพวกของฟริโอนีลยอมมอบของมีค่าออกมาให้หมด เธอจะยอมไว้ชีวิต พวกฟริโอนีลใช่ว่าจะไม่รักชีวิตนะครับ แต่ยังเอิญว่าพวกเขาจนเสียยิ่งกว่าหมาหนังกลับ ไม่มีของมีค่าจะมอบให้จริงๆ ดังนั้นการต่อสู้จึงเกิดขึ้นกลางลำเรือนั่นเอง

สามวินาทีผ่านไป โจรสลัดทั้งหลายก็โดนซัดลงนอนหงายเค้เก้ เพื่อเป็นการตอบแทนที่พวกของฟริโอนีลไม่ทำร้ายพวกเขาถึงแก่ชีวิต ไรล่าและลูกเรือจึงอาสาเป็นผู้ติดตาม เข้าสมทบกับกองกำลังต่อต้านจักรวรรดิ์ โดยเธอเองจะออกเดินทางรวมกลุ่มไปกับเราด้วย ไรล่านั้นถนัดอาวุธเบาหลายๆแบบ ชอบอะไรก็เลือกติดให้เธอละกันครับ จากนั้นก็กางใบรับลมให้เต็มที่ ปราสาท Dist รอเราอยู่เบื้องหน้าแล้ว

7 - Dist

เมื่อได้ไรล่ามาเข้ากลุ่มแล้ว(ขออภัยครับที่อ่านแบบนี้ ติดชื่อสมัย Famicom มาค่อนข้างมาก Sound มันออกเพราะดีมั้ง ^^) ให้จัดแจงเรื่องอุปกรณ์ของเธอให้เหมาะสม จากนั้นก็ออกปั๊ม skill กันก่อนครับ เพราะที่ที่เราจะไปนั้นค่อนข้างโหดเอาการ ในช่วงนี้สิ่งที่จำเป็นต่อการเดินทางเห็นจะเป็นคาถา Cure และ Fire ครับ เพราะในถ้ำ Dist ศัตรูที่เจอจะเป็น Undead เสียเป็นส่วนใหญ่ ฝึก Ice ไว้บ้างก็ดี เพราะเจ้าเกลอเก่าอันดามันไทต์ ได้อพยพไปตั้งรกรากอยู่ที่นั่นเช่นกัน หาก HP หรือ MP ใกล้หมด เราสามารถแล่นเรือกลับมาพักที่โรงแรมในเมือง Bosfk ซึ่งอยู่ทางตะวันตกได้ ตำแหน่งของ Dist สามารถดูได้จากแผนที่ด้านซ้ายครับ :)

เมื่อมาถึงเกาะใหญ่อันเป็นที่ตั้งของปราสาท Dist แล้ว พวกฟริโอนีลจะพบว่า ปราสาทแห่งนี้ปรักหักพังจากการโจมตีของอะไรบางอย่าง พอเข้าไปในปราสาท จะพบกับเด็กชายคนหนึ่ง คุยกับเขาแล้วเขาจะวิ่งหนีไป เมื่อตามขึ้นไปชั้นบน เราจะพบกับภรรยาของริชาร์ด อัศวินมังกรคนแรกของ FF ซีรี่ส์ (แต่ดันเป็นคนสุดท้ายของภาคนี้) เธอจะบอกกับเราว่าสามีของเธอสูญหายไประหว่างการเดินทางเพื่อค้นหาคาถา Ultima ส่วน Hiryu ซึ่งถือเป็นเทพมังกรผู้คุ้มครอง Dist นั้นก็อาการกำลังแย่ เธอบอกให้เราเข้าไปขอคำปรึกษากับฮิริว ชักลำบากล่ะสิทีนี้ พวกฟรีโอนีลสื่อสารกับฮิริวไม่รู้เรื่องเลยสักนิด แล้วจะทำยังไงกันดีล่ะ ไปตามฮิริวอีกตัวมาจากซานฟรานซิสโกหรือไงนะ...

ในปราสาทมีหีบสมบัติอยู่ตามสมควร โดยเฉพาะ Winged Sword สำหรับฟริโอนีล ที่เหลือก็เป็นสมบัติสัพเพเหระ ถ้าร้อนเงินมาก เราก็สามารถนั่งเรือเอาไปขายที่เมือง Bosfk ก่อนได้

เมื่อเสร็จธุระแล้วให้เข้าไปที่ถ้ำ Dist ด้านทิศเหนือของปราสาทครับ ที่นี่จะมีสมบัติของนักรบมังกรอยู่ และสิ่งนี้แหละที่จะทำให้เราสามารถสื่อสารกับฮิริวได้ ตำแหน่งของสมบัติที่ว่าก็คือ จากปากทางเข้าถ้ำ ให้เดินไปด้านขวาและลงบันไดสู่ชั้นล่าง สำรวจบริเวณโครงกระดูก ก็จะได้ Dragoon Pandant มา จากนั้นให้ออกจากถ้ำมาเสียก่อนครับ อย่าเพิ่งรีบร้อนลงไปลึกกว่านี้ เพราะอีกเดี๋ยวเราต้องย้อนกลับมาที่นี่อีก เอาเป็นว่าตอนนี้กลับไปหาฮิริวกันก่อนดีกว่า

เมื่อกลับไปพบฮิริวอีกครั้ง คราวนี้จะพบว่าเราสามารถสื่อสารกับฮิริวได้ เมื่อใช้พาสเวิร์ด [Hiryu] แล้ว มังกรศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้จะมอบไข่ของมันให้กับเรา พร้อมทั้งบอกว่าไข่มังกรนี้ต้องนำไปฟักในบ่อศักดิ์สิทธิ์ที่ถ้ำ Dist เท่านั้น เมื่อใช้พาสเวิร์ด [Dragoon] ฮิริวจะพูดถึงริชาร์ด (ฉบับ Remake ล่าสุดเรียกแกเร็ทธ์) นักรบมังกรคนสุดท้ายที่จากปราสาทนี้ไป เพื่อตามหาคาถาในตำนาน Ultima

จากนั้นให้พวกเราพักผ่อน เซฟ และเตรียมข้าวของให้พร้อม การผจญภัยอันแสนยาวนานในถ้ำ Dist กำลังรอเราอยู่

มาเที่ยวนี้ จากปากทางเข้าถ้ำ ขอให้เดินไปทางตะวันตกเฉียงใต้ และลงบันไดตามภาพไป มาคราวนี้มอนสเตอร์ชักจะมากขึ้นทั้งปริมาณและคุณภาพ โดยเฉพาะพวก Undead เช่น Ghost หรือ Revenant ที่เมื่อเจอแล้วอย่าเสียดาย MP ครับ ใช้คาถา Fire หรือ Cure ระดับ 3 ขึ้นไปกับพวกมันทันที และให้จัดการทีเดียวทั้งกลุ่ม เนื่องจากเจ้าพวกนี้แม้ HP จะน้อยแต่พลังโจมตีสูงมาก โดนตบทีสองทีพวกเราก็เดี้ยงแล้ว

ทางสายนี้ค่อนข้างจะตรง ไม่มีอะไรซับซ้อนมากครับ มีของดีๆให้เก็บ เช่น Fire Bow และ Knight Armor เมื่อเก็บของจนหมดแล้วให้วาร์ปออกจากถ้ำ เซฟ และพักผ่อน (ถ้าไม่ขี้เกียจเดินแนะนำให้แล่นเรือไปพักที่ Bosfk ดีกว่านะครับ จะได้ขายของที่ค้างสต็อคของเราออกไปด้วย) จากนั้นก็กลับมาที่ถ้ำนี้อีกครั้ง

คราวนี้ไปอีกทางครับ ให้ลงบันไดทางขวาล่างหรือตะวันออกเฉียงใต้สุดของถ้ำ ตามรายทางพวกของฟริโอนีลต้องผจญกับกลุ่มของ Gigas จำนวนมาก เจ้าพวกนี้ปราบไม่ยากครับ ถ้ามี Winged Sword กับ Fire Bow อยู่ด้วย แถมหลังการต่อสู้ ถ้าโชคดีเราจะได้หมวก หรือถุงมือดีๆมาไว้ใช้อีก (แต่อย่าชะล่าใจไปเชียว เพราะพวกมันอึดมาก พลังโจมตีก็ใช่น้อย เผลอนิดมีหวังได้แบนเป็นกล้วยทับกันเลยแหละ) จากนั้นก็คลำทางพลางคุ้ยเขี่ยหาหีบสมบัติพลาง ลัดเลาะลงมาเรื่อยๆครับ ไม่ยาก...

จนกระทั่งถึงบริเวณในภาพ ขอแนะนำว่าอย่าเผลอข้ามสะพานไปทางขวามือเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะโดนกับดัก พลัดตกลงไปชั้นที่แล้ว ถ้าไม่อยากเสียเวลาก็ใช้วิธีเดินชิดกำแพงด้านซ้ายเอาไว้ และลัดเลาะขึ้นด้านบนตลอด ท่านจะปลอดภัยและไม่เสียเวลาเดินอ้อมกลับขึ้นมาใหม่ครับ

ทางก็วกวน ศัตรูก็แสนโหด นอกจากโจมตีหนักแล้ว บ่อยครั้งทีเดียวที่พวกมันยกขโยงออกมาเป็นฝูงแบบนี้! กวาดมันด้วยคาถา Fire Level 3 ขึ้นไปจะเวิร์คสุด

เมื่อเข้ามาถึงชั้นในสุดที่มีประตูอยู่สี่บาน ให้เลือกเข้าประตูบานที่สาม พวกของฟรีโอนีลจะพบหมาน้อยยืนขวางทางอยู่ แต่ดูดีๆแล้วเจ้านั่นมันไม่ใช่หมานี่นา มันคือ... มันคือ...

...มันคือฝูงคิเมร่าครับ เจ้าพวกนี้จะออกมาแบบ Random ถ้าโชคดีเจอตัวสองตัวก็สบายไป ถ้าโชคร้ายมันจะมาทีเดียว 4 ตัว ให้รีบจัดการพวกมันให้เร็วที่สุด

จากนั้นให้ไปที่สระศักดิ์สิทธิ์ หย่อนไข่ของฟริโอนีล เอ๊ย... ไข่ของฮิริวลงไปในสระเพื่อรอการฟัก โอเคครับ เป็นอันเสร็จภาระกิจที่ถ้ำ Dist เสียที ก่อนจากเกาะนี้ไป ให้แวะไปคุยกับภรรยาของริชาร์ดจะพบว่าฮิริวได้ตายเสียแล้ว อนิจา มังกรศักดิ์สิทธิ์ก็ตาย อัศวินมังกรก็ไม่รู้หายไปไหน ไข่ที่เพิ่งเอาไปฟักนี่ก็ด้วย จะออกมาเป็นมังกรหรือจิ้งจกก็ยังไม่รู้เลย อนาคตของโลกชักมืดมนลงทุกทีๆแล้ว...

8 - The Arena

เมื่อกลับมาถึงเมือง Altea แล้ว พวกของฟริโอนีลจะได้รับข่าวจากฝ่ายต่อต้านว่า องค์หญิงฮิลด้ามีอาการแปลกๆคล้ายถูกปอปเข้า เมื่อเข้าไปพบกอร์ดอน เขาจะขอร้องให้ฟริโอนีลไปดูอาการของเธอ จากนั้นให้ไปที่ห้องขององค์หญิงฮิลด้า เธอจะขอคุยกับฟริโอนีลตามลำพัง โดยให้คนอื่นๆหลบออกไปก่อน

ฟริโอนีลชักใจคอไม่ค่อยดี แต่เมื่อเป็นประสงค์ขององค์หญิง เขาก็ไม่รู้จะขัดอย่างไร องค์หญิงให้ฟริโอนีลประคองไปที่เตียง ฉากของเกมเริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพูชวนวาบหวามยิ่งนัก ทันทีทันใดนั้น ฟริโอนีลก็นึกขึ้นได้ว่านี่เป็นเกม RPG ไม่ใช่ H เกม มันต้องมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นแน่ๆ...

และก็จริงเสียด้วยสิครับท่านผู้ชม...

สิ่งนั้นไม่ใช่องค์หญิงฮิลด้าอย่างที่เขาสงสัย มันคือ Queen Lamia ซึ่งปลอมตัวมา ฟริโอนีลรู้ตัวเมื่อสายเสียแล้ว แขนขาของเขาระทดระทวยจากแรงสะกดของควีนลาเมีย เคราะห์ดีซึ่งไรล่าสังหรณ์ใจเอาไว้แต่แรก เพราะมุขนี้เมื่อก่อนเธอใช้บ่อย ดังนั้น ไรล่า กาย และมาเรีย จึงเข้ามาช่วยพระเอกของเราได้อย่างทันเวลา

หลังจากปราบองค์หญิงตัวปลอมลงได้ องครักษ์ฝ่ายต่อต้านคนหนึ่งก็วิ่งมาแจ้งข่าวแก่คนทั้งสี่ว่า จักรพรรดิ์บาราเมเกียประกาศจัดทัวร์นาเมนท์ขึ้น โดยผู้ชนะเลิศการแข่งขัน จะได้รับองค์หญิงฮิลด้าแห่งอาณาจักร Phin เป็นรางวัล แสดงว่าตอนนี้องค์หญิงตัวจริงถูกจับอยู่ที่ลานประลองสินะ...

ด้วยสปิริตของลูกผู้ชาย กอร์ดอนอาสาจะไปช่วยองค์หญิงฮิลด้ากับเราที่ลานประลอง โดยให้ไรล่ารออยู่ที่ Altea ตำแหน่งของลานประลองอยู่แถบทะเลทราย ใกล้ๆกับเมืองหลวงของอาณาจักรบาราเมเกีย ซึ่งการเดินทางข้ามทะเลทรายนับว่าอันตรายสำหรับเรามากในตอนนี้ คำแนะนำก็คือ ให้แล่นเรือไปบริเวณตอนใต้ของปราสาทคาชิวออนตามแผนที่ จากนั้นไปยังป่า Chocobo เพื่อขี่เจ้านกตัวนี้ข้ามทะเลทรายไป จะช่วยย่นเวลาและลดอันตรายจากศัตรูตามรายทางได้มากครับ

หรือถ้ามั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองเราก็ไม่ว่ากัน จากตอนใต้ของปราสาทคาชิวออน ให้เดินข้ามทะเลทรายลงมา ลัดเลาะมาตามขอบทะเลทรายทางตะวันออกเรื่อยๆ โดยยึดแนวสันเอาไว้ มอนสเตอร์ที่นี่แข็งแกร่งเอาการอยู่ ใช้ความสามารถฝ่ามาให้ได้ละกันนะครับ

แต่ปัญหาทุกอย่างจะหมดไปถ้าเราควบ Chocobo มา เพราะจะไม่เจอสัตรูเลยซักกะตัว เมื่อมาถึงบริเวณลานประลอง ให้ลงจาก Chocobo จัดการเซฟเกมกันเหนียวไว้ก่อน จากนั้นก็บุกเข้าไปในลานประลองเลยครับ

ในลานประลอง พวกของฟริโอนีลจะเผชิญหน้ากับจักรพรรดิ์เป็นครั้งแรก และต้องต่อสู้กับมอนสเตอร์อันร้ายกาจเบฮีมอธ แต่ถ้าเทียบกับ Queen Lamia แล้ว เบฮีมอธง่ายกว่าเยอะเลยครับ :)

ชาติกษัตริย์ย่อมไม่ตรัสแล้วคืนคำ เมื่อพวกของฟรีโอนีลชนะเบฮีมอธได้ จักรพรรดิ์จึงบอกให้เข้ามารับตัวองค์หญิงตามสัญญา อะไรมันจะง่ายปานนี้... แต่ก็นั่นแหละครับ จักรพรรดิ์รับปากว่าจะมอบองค์หญิงให้ก็จริง แต่ไม่ได้บอกว่าจะปล่อยพวกเราไป ดังนั้น เราจึงถูกทหารของจักรวรรดิ์ล้อมจับโดยละม่อม แล้วนำไปขังไว้ในคุกใต้ลานประลอง

ขณะที่กำลังหาหนทางแหกคุกอยู่นั้น พอล นินจาฝ่ายคุณธรรมได้ย่องเข้ามาช่วยเหลือฟริโอนีลและพรรคพวก โดยถือเป็นการตอบแทนเมื่อครั้งศึกถ้ำน้ำตกเซมิเต้ เมื่อพอลจากไป ให้เดินออกจากห้องขังแล้วตามหาตัวองค์หญิงกันเลยครับ

คุกใต้ลานประลองหนทางไม่ค่อยซับซ้อนเท่าไหร่ มอนสเตอร์ก็ไม่แกร่งอย่างที่คิด เพราะฉะนั้นสำรวจทางพลาง เก็บสมบัติไปพลางก็ได้ครับ จนเมื่อพบห้องที่ใช้ขังองค์หญิงแล้ว พวกเราจะหาทางถ่วงเวลา รปภ. เอาไว้ โดยให้กอร์ดอนพาองค์หยิงหนีออกไปก่อน และนัดสถานที่พบกันคือฐานฝ่ายต่อต้านที่เมือง Altea บ๊ะ... ทิ้งกันไปง่ายๆอย่างนี้เลยวุ๊ย แต่เอาะเถอะครับ ไปกันสามคนก็คล่องตัวดีเหมือนกัน ให้เราหาทางออกจากลานประลอง กลับไปขึ้นเรือ และแล่นเรือกลับไปที่ Altea กันก่อน

เมื่อถึงเมือง Altea องครักษ์ฝ่ายต่อต้านคนหนึ่งมาดักรอเราอยู่แล้วที่ทางเข้าเมือง เขาแจ้งข่าวแก่เราว่า ขณะนี้กองทัพฝ่ายต่อต้านกำลังรวมพลกันอยู่ที่แคมป์หน้าเมือง Phin เพื่อเตรียมตัวบุกยึดเมืองคืน ให้พวกเราตามไปสมทบที่นั่น

ที่แคมป์ พวกของฟริโอนีลจะพบฮิลด้าและกอร์ดอนกำลังเตรียมกองทัพอยู่ ทหารทุกคนกำลังคึกสุดขีด พวกของฟริโอนีลจะได้รับบัญชาให้เป็นทัพหน้า บุกเข้าปราสาท Phin เพื่อทวงกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของอันชอบธรรมกลับมา

เดินเข้าไปในปราสาทไม่กี่ก้าว จะพบไรล่ายืนรออยู่ เธอจะเข้าร่วมกลุ่มกับฟริโอนีลอีกครั้ง เอาล่ะครับทีนี้ก็ลุยเข้าในตัวปราสาทกันเลย ศัตรูหมู่อมิตรกำลังรอเราอยู่เบื้องหน้า Way to go!

9 - Return to Phin

สำหรับการบุกปราสาท Phin มีทางให้เลือกสองทางครับ หนึ่งนั้นคือสำรวจปราสาทเสียก่อน แล้วค่อยบุกเข้าไปปราบบอส ส่วนทางที่สองก็คือเข้าไปฉะกับบอสเลยตรงๆ ขึ้นอยู่กับว่าเราขี้เกียจสู้กับศัตรูที่อยู่ระหว่างทางหรือไม่ก็เท่านั้นเอง หีบในปราสาทไม่ค่อยมีของดีเท่าไหร่นัก แต่ศัตรูที่ออกมาตามรายทางนั้นพกของดีๆมาเพียบเลย โดยเฉพาะเจ้าพวก Wizard หรือ Mage

โดยศัตรูเหล่านี้จะหายไปถ้าเราปราบบอสเสียก่อน (แต่ตอนหลังเดี๋ยวก็ได้เจอกับพวกมันอีกอยู่ดี) เพราะฉะนั้น ชอบแบบไหนก็ตามใจท่านเลยครับ ^^

หากคุณถือคติว่าจับโจรต้องจับหัวหน้า ไม่อยากเสียเวลากับพวกลูกจ๊อก ก็ตรงขึ้นไปเลยครับ บอสที่คอยบัญชาการกองทัพบาราเมเกียที่เมือง Phin มีชื่อว่า Gortos รออยู่แล้ว

Gortos มี HP ประมาณ 2000 จึงไม่น่าจะเป็นปัญหาเท่าไรนัก แต่เจ้านี่ในบางครั้งจะให้มีดสั้น Ripper อาวุธชั้นดีของไรล่ามาด้วย เพราะฉะนั้นวัดดวงเอานะครับ ว่าหลังจากกำจัดมันได้แล้ว เราจะได้มีดสั้นหริอเปล่า (ผม Reset อยู่ 5-6 รอบกว่าจะได้มา)

Victory! Phin กลับมาเป็นของฝ่ายต่อต้านแล้ว หลังจากเคลียร์เศษซากของการต่อสู้จนสะอาด เจ้าหญิงเลอา เอ๊ย... ฮิลด้าก็ขึ้นครองบัลลังก์ Phin อีกครั้งหนึ่ง โดยมีกอรืดอนเป็นที่ปรึกษา เมื่อคุยกับกอร์ดอนเขาจะให้พาสเวิร์ด [Mysidai] กับเรามา โดยบอกว่าเมืองมิชิเดียนี้เป็นเมืองในม่านหมอก และเจริญสูงสุดด้วยอารยธรรมแห่งมนตรา และเมื่อใช้พาสเวิร์ด [Mysidia] กับเขา เขาจะให้คำว่า [Ultima] แถมมาอีกหนึ่งคำ

เมื่อคุยกับองค์หญิงถึงคาถา [Ultima] จะได้คำว่า [Mask] มา ให้ใช้คำนี้กับเธออีกครั้งจะได้คำว่า [Ekume] อันเป็นรหัสสำหรับเปิดทางลับในปราสาท Phin แต่เอาไปใช้ที่ไหนนั้นองค์หญิงไม่รู้ด้วย

ให้ใช้คำว่า [Ekume] กับกอร์ดอน เขาจะบอกกับเราว่าให้ลองไปปรึกษา Paul ดู เพราะพี่แกเป็นนินจา เรื่องตัดช่องย่องเบานี่ท่าทางพี่แกจะถนัด บางทีแกอาจรู้วิธีการใช้ [Ekume] ก็เป็นได้

ส่วนคนที่ปราบบอสก่อนแล้วเก็บหีบทีหลังนั้น ตอนนี้ทางโล่งแล้วครับ เริ่มสำรวจปราสาทเพื่อคุ้ยเขี่ยสมบัติได้เลย ในปราสาท Phin มีกำแพงที่สามารถเดินทะลุได้อยู่จุดสองจุด ตัวอย่างเช่นในภาพ ลองใช้กึ๋นสำรวจกันดูนะคร๊าบ

พวกของฟริโอนีลได้แวะไปหาพอลที่บ้านของเขาในเมือง Phin เพื่อขอคำปรึกษา (ด้านซ้ายล่างของเมือง) เมื่อใช้คำว่า [Ekume] กับพอล พอลจะกล่าวถึงห้องลับที่นำไปสู่ชั้นใต้ดินของปราสาท Phin โดยห้องดังกล่าวจะอยู่บริเวณมุมขวาบนของบัลลังก์ อ้าว... เดินผ่านไปมาตั้งหลายรอบแล้วนี่หว่า ไม่ยักกะสังเกต ว่าแล้วก็กลับไปที่ปราสาท Phin กันอีกรอบครับ

ก่อนไป แวะช้อปปิ้งในเมืองนี้สักหน่อยก็ดี เพราะชุดเกราะกับอาวุธของเราก็สะบักสะบอมมาพอประมาณแล้ว เล่นมาถึงจุดนี้ได้ เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับพวกของฟริโอนีลอีกต่อไปแล้ว จริงไหมครับ?

ใช้คำว่า Ekume ที่บริเวณดังกล่าว เราจะสามารถทะลุกำแพงด้านขวาของท้องพระโรง เพื่อลงไปยังชั้นใต้ดินได้ ที่นี่มีสนามพลังงานปกคลุมอยู่ ทำให้ไม่สามารถ Warp ออกมาข้างนอกได้ เพราะฉะนั้นก่อนจะลงไปเตรียมตัวเสียให้พร้อมก่อนนะครับ เนื่องหนทางยังอีกยาวไกลนัก

มอนสเตอร์ที่นี่ไม่แข็งแกร่งอะไรมากนัก นอกจากทางที่ค่อนข้างยาว(เติม ว. แหวนลงไปอีกซักสามตัวนะครับ)ไปหน่อยแล้ว ที่เหลือก็ไม่มีอะไรน่าหนักใจเลย

ณ ที่นี้เองครับ ที่ดาบที่พลังโจมตีกิ๊กก๊อกที่สุด แต่เป็นประโยชน์ต่อการเล่นเกมที่สุดนอนรอคุณมาเป็นเจ้าของอยู่ คงจำ Blood Sword ที่ผมเคยพูดถึงเมื่อก่อนหน้านี้ได้นะครับ เก็บเอาไว้ดีๆ (ให้ฟริโอนีลพกไว้ตลอดก็ได้ เอาไว้สลับกับดาบอื่นๆ) เพราะตอนสู้กับบอสโหดๆ หรือมอนสเตอร์ที่บ่ยั่นต่อการโจมตีทางกายภาพเช่นพวกสไลม์หรือมังกรแล้ว Blood Sword เล่มนี้มีประโยชน์มากๆเลยล่ะครับ

หลังจากเดินสำรวจจนเมื่อยตุ้ม เราก็จะมาถึงบริเวณที่มีประตูเยอะแยะอย่างในภาพ ให้เลือกเข้าประตูรองสุดท้ายทางขวามือ White Mask ไอเท็มชิ้นสำคัญที่จะต้องเอาไปใช้ที่มิชิเดียรอเราอยู่ครับ :)

โย่ว ได้ White Mask มาแล้วหนึ่งชิ้น หนทางสู่มิชิเดียเริ่มเห็นจุดหมายอยู่รำไร แต่จะบอกอะไรซักอย่างว่า มอนสเตอร์บริเวณนั้นโหดมากครับ ทางเดียวที่จะผ่านพวกมันไปได้ก็คือ ฝึก ฝึก และ ฝึก... เพิ่ม Level อาวุธและคาถาของเราให้มากที่สุด โดยเฉพาะ Esuna ถ้าตอนนี้ยังไม่ถึง Level 6 โอกาสที่จะเป็นหินตายกันทั้งกลุ่มมีสูงมากทีเดียว

10 - From Mysidia to Crystal Rod

เอาล่ะครับ หลังจากปั๊ม skill กันจนหนำใจแล้ว เราก็ไปที่มิชิเดียกันเลยดีกว่า โดยแล่นเรอมาทางใต้ของเมือง Phin (ตามแผนที่เลยครับ) จนกระทั่งมาถึงทะเลสาปขนาดใหญ่ ให้จอดเรือและเดินลงมาทางใต้เรื่อยๆ ก็จะเจอกับเมืองมิชิเดีย

มิชิเดียเป็นเมืองโบราณ ซึ่งก้าวมาถึงจุดที่สูงสุดแล้วในอารยธรรมมนตรา เพราะมีเวทย์มนขายแทบจะทุกชนิด แถมยังมีอาวุธและชุดเกราะดีๆให้เลือกซื้อ สำหรับใครที่ชอบปั๊ม stat ด้วยวิธีลัด จะซื้อเวทย์ Change ไปใช้ก็ได้นะครับ รายละเอียดผมเล่าไปแล้วในส่วนของ Tips and Trick

ที่ทิศใต้ของเมืองจะมีบันไดเล็กๆอยู่ ให้ใช้หน้ากากขาว White Mask กับเทวรูปที่อยู่ใต้ดิน แต่การจะเอา Crystal Rod มาได้นั้น เรายังขาดหน้ากากดำ Black Mask อยู่อีกชิ้น ซึ่งเป็นไอเท็มสำคัญที่ต้องใช้เมื่อเข้าไปในถ้ำมิชิเดีย ดังนั้นพักผ่อนและจัดแจงข้าวของซะนะครับ จะได้เดินทางไปเอา Black Mask กันต่อ

หน้ากากดำจะอยู่ในถ้ำของเกาะทางใต้ เป็นเกาะเล็กๆที่หายากสักหน่อย (แต่บางคนอาจเคยแวะไปแล้ว สมัยเดินทางไปยังปราสาท Dist อยู่ในทางสายนั้นแหละ) ถ้าหาไม่เจอล่ะก็ ลองเช็คแผนที่ดูนะครับ ก่อนเข้าไปก็เซฟซะให้เรียบร้อย เพราะเหมือนเดิมครับ ถ้ำของเกาะทางใต้นั้นยาวและวกวนมาก

มอนสเตอร์ในนี้ส่วนใหญ่เป็นอันเด้ดและตระกูลหนูผี ด้านซ้ายของถ้ำจะนำเราไปสู่ชุมชนของเผ่าหน้ากากดำ มีของขายอยู่พอประมาณ แต่ถ้าซื้อมาจากมิชิเดียครบอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องแวะไปก็ได้ครับ

ทางในถ้ำวกวนมากครับ อธิบายเป็นตัวหนังสือค่อนข้างลำบาก เอาเป็นว่าทางไปเอา Black Mask จะอยู่บริเวณชั้น 4 ของถ้ำ โดยห้องที่เก็บหน้ากากนั้น จะมี Boss คือเจ้า Big Horn เฝ้าอยู่ จัดการมันซะเราจะได้ Black Mask มา จากนั้นก็กลับไปที่มิชิเดียกันเลย

เมื่อกลับมาถึงมิชิเดีย ให้พักผ่อนและซื้อ Cottage ตุนไว้ซักหลังสองหลัง เดินจากมิชิเดียไปทางตะวันออก โดยยึดสันเขาเป็นแนวในการเดิน เมื่อสุดสันเขาแรก ให้อ้อมลงมาทางใต้ เราจะพบกับถ้ำมิชิเดีย

ในนี้เราจะพบกับเข้า Dopelganger ซึ่งขวางทางเราอยู่ (รูปร่างมันจะเหมือนกับฟริโอนีล) ให้ใช้หน้ากากดำ Black Mask กับมัน แล้วมันจะหายไปเปิดช่องให้ไปต่อได้ ภายในถ้ำมีชุดเกราะดีๆอยู่หลายชิ้น อย่าลืมเก็บมาด้วยนะครับ

ที่ชั้นสุดท้าย พวกของฟริโอนีลจะได้ Crystal Rod มา จากนั้นให้กลับไปที่มิชิเดีย เพื่อขายของที่ไม่จำเป็นในสต็อคออกให้หมด ต่อไปก็ได้เวลาบุกหอคอยในตำนาน Mysidia Tower กันแล้วครับ

อ้อ... ก่อนออกจากถ้ำ ขอให้แน่ใจด้วยนะครับว่าเก็บคาถา Aspil ไปด้วย เพราะเป็นคาถาที่มีประโยชน์ที่สุด(สำหรับผม)ในเกมนี้ ฝึกให้ถึงซัก level 3 เวลา MP เราจะหมด เราก็ใช้คาถานี้แหละดูดเอาจากศัตรู หรือไม่ก็ใช้ดูด MP ของเพื่อนในกลุ่ม เพื่อเพิ่มระดับของ MAX MP ผมใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที MAX MP ของ มาเรียและกายเพิ่มขึ้นจาก 8-90 เป็น 800 up เจ๋งไหมล่ะครับ ^^

11 - Leviathan and the Mysidia Tower

ขณะที่เรือกำลังแล่นเข้าบริเวณหอคอยมิชิเดีย เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับพวกของฟริโอนีลครับ เพราะเรือโจรสลัดของไรล่า ถูกเจ้าสมุทรเลเวียธาน ผู้คอยปกป้องอุตมะคาถา Ultima กลืนลงไป ขณะกำลังชุลมุน ไรล่าได้ถูกคลื่นซัดกระเด็นตกเรือไป ส่วนพวกของฟริโอนีลนั้นกลับมาฟื้นคืนสติอีกครั้ง เมื่อลงไปอยู่ในท้องของเลเวียธานเรียบร้อยแล้ว

ภายในท้องของเลเวียธานเต็มไปด้วยน้ำย่อยที่เป็นกรด ซึ่งจะลด HP ของเราทุกๆก้าวที่เดินผ่าน เพราะฉะนั้นหลีกเลี่ยงบริเวณนั้นไปจะดีที่สุด

ภายใน เราจะพบกับผู้คนมากมายที่ถูกเลเวียธานกลืนเข้ามา (ยังกะท้องปลาวาฬในเรื่องพิน็อคคิโอเลยแฮะ ^^) ที่ทางออกเราจะพบกับอัศวินมังกรคนสุดท้าย ริชาร์ด เมื่อเขาเห็น Crystal Rod ในมือของฟริโอนีล เขาก็รับอาสาจะช่วยเราบุกหอคอยมิชิเดีย เพื่อไปเอาคาถา Ultima พร้อมกับนำทางเราไปยังทางออกจากท้องของเลเวียธาน

ริชาร์ดพาเรามายังทางออก ซึ่งมีเรือจอดอยู่(อะไรจะบังเอิญปานนั้น) แต่ก็นั่นแหละครับ... ความบังเอิญมันมีอยู่สองต่อ เพราะเจ้าหนอนยักษ์ Land Worm ก็เฝ้าอยู่บริเวณนั้น เพื่อรอกินคนที่คิดจะหนีออกไปอยู่เช่นกัน จัดการกับมันและแล่นเรือออกจากท้องของเลเวียธานกันเลยครับ

เมื่อถึงหอคอยมิชิเดียแล้ว ฟริโอนีลจะใช้คริสตัล ร็อด เพื่อปลดผนึกมนตราแห่งหอคอยมิชิเดีย หอคอยนี้มีทั้งหมด 12 ชั้น ไม่แนะนำให้เคลียร์ในรอบเดียวครับ ทุกครั้งที่ปราบบอสได้ 1 ตัว ควรวาร์ปออกจากคอหอยเพื่อกลับไปพักผ่อน และขายของที่เก็บได้ระหว่างการเดินทางเสียก่อน หรือถ้าขี้เกียจจะเดินขึ้นเดินลงบ่อยๆก็ไม่ว่ากันนะครับ

หอคอยมิชิเดียจะมี Mage พิทักษ์อยู่ 3 ตัว โดยในชั้นแรกๆจะเป็นชั้นแห่งไฟ (และอวุธที่เก็บได้ในหีบสมบัติ จะเป็นอาวุธธาตุไฟทั้งสิ้น) หลังจากผ่านทางลาวาอันแสนยาวเหยียดมาได้ พวกของฟริโอนีลต้องเผขิญหน้ากับ Fire Mage ซึ่งประกาศว่า ผู้ขาดคุณสมบัติแห่งผู้กล้า ย่อมไม่มีวันเดินไปถึงห้องเก็บอุตมะคาถา Ultima ได้เด็ดขาด จากนั้นมันก็จะ....

เปลี่ยนร่างเป็น Fire Gigas ครับ มี HP ประมาณ 1800 โจมตีพวกเราด้วยคาถาไฟ level 12 (บางทีก็ปั๊มพวกเราด้วยหมัด ซึ่งจะทำให้สถานการณ์แย่กว่าโดนคาถาไฟซะอีก) ถ้ามาเรียมี Ice Bow อยู่ด้วยก็ง่ายหน่อยครับ หลังจากปราบ Fire Gigas แล้ว ก็ให้ขึ้นบันไดเพื่อลุยชั้นต่อไปกันได้เลย

ชั้นถัดไปเป็นชั้นของน้ำแข็งครับ มีอุปกรณ์ดีๆเช่น Ice Sword, Ice Spear และ Ice Gaunlet ให้เก็บอยู่ ที่บริเวณท้ายสุดของชั้นน้ำแข็ง เราจะพบกับ Mage ดักอยู่เหมือนที่ผ่านมา และก็เช่นเดิมครับ ข่มขู่เราอยู่พักใหญ่มันก็จะร่ายคาถาเพื่อกลายร่างเป็น...

ไรเดอร์ อากิโตะ... เอ๊ย Ice Gigas ครับ! ด้วย Fire Sword และคาถา Fire ระดับ 6 ขึ้นไป เจ้าไอติมเดินได้ตัวนี้ก็จะละลายกลายเป็นน้ำภายในเวลาไม่นานนัก เอ้า รอช้าอยู่ทำไม บุกขึ้นชั้นต่อไปกันเลย

ชั้นท้ายสุดของหอคอยมิชิเดีย เป็นชั้นที่มีพลังของธาตุสายฟ้าปกป้องอยู่ และมีอาวุธประเภทไม้เท้าดีๆให้เก็บกัน ตามฟอร์มครับ Mage ตัวสุดท้ายแห่งหอคอยนี้ยืนเคี้ยวหมากฝรั่งรอเราอยู่ ไม่ต้องเดาก็รู้ได้เลยว่า หลังจากข่มขู่พวกเราเสร็จมันก็จะกลายร่างเป็น...

Thunder Gigas!

ถ้าคิดว่าเจ้าตัวนี้กระจอกเหมือน 2 ตัวที่ผ่านมาล่ะก็ คิดผิดถนัดเลยครับ เพราะนอกจากอาวุธธรรมดาจะโจมตีมันไม่เข้าแล้ว หมัดและคาถา Thunder Level 16 ของมัน อาจทำให้พวกเราคนใดคนหนึ่งไปสวรรค์ได้ภายใน Turn หรือ 2 Turn ถ้าเราฝึกคาถา Holy หรือ Bio ให้ถึง level 4 ขึ้นไปก็ไม่ยากเท่าไหร่ (แต่ผมเดาเลยว่าไมถึงแน่ๆ...) ดังนั้นในการต่อสู้นี้พยายามรักษาระดับ HP ของเราให้สูงเข้าไว้นะครับ หรือถ้าอยากชนะง่ายๆก็เอา Blood Sword มาให้ฟริโอนีลใช้ซะ แค่ไม่กี่ฉับหรอก เดี้ยง!

ฟู่... ใกล้คาถา Ultima เข้าไปทุกขณะจิตแล้วสินะครับ ที่ชั้นสุดท้ายของหอคอยมิชิเดีย พวกของฟริโอนีลจะพบกับมอนสเตอร์ตระกูลที่ร้ายกาจที่สุดในเกม มันคือ... มังกรครับ ตัวนี้เป็นตัวแรก(และมีอีกหลายตัวรอคิวอยู่) จัดการมันด้วย Blood Sword อีกเช่นเคยเพื่อประหยัดเวลา (แต่แนะนำว่า เวลาสู้กับบอสด้วยดาบเล่มนี้แล้ว ความสนุกจะหายไปหมด เพราะคุณจะไม่เคยเห็นอะไรที่ง่ายดายขนาดนี้มาก่อนเลย จริงๆนะคะจอร์จ!)

โอ นั่น... ใครกันที่รอเราอยู่แล้ว มินอูนั่นเองครับ (งงจังว่าโผล่มาได้ยังไงและตอนไหน) เขากำลังหาทางแก้ผนึกชั้นสุดท้ายของห้องเก็บคาถา Ultima อยู่ แต่ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไร เพราะประตูห้องนั้นถูกผนึกด้วยมนตราโบราณอย่างหนาแน่นมาก มินอูจำต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีรวมทั้งพลังชีวิตของเขาเพื่อคลายผนึกดังกล่าว

สุดท้ายผนึกมนตราก็สลายไป พร้อมๆกับพลังชีวิตหยาดสุดท้ายของพ่อมดมนตร์ขาวผู้กล้าหาญ... มินอู

ภายในห้องเราจะเห็นลูกแก้วทั้งหมด 5 ลูก (ภาค 1-2 ของ FF Series ยังไม่มีคริสตัลครับ เพิ่งมาเปลี่ยนเอาในฉบับ Remake นี่แหละ เพื่อให้เข้ากับสมัยนิยม) ให้สำรวจลูกแก้วรอบนอกทั้งสี่ลูกก่อน เพื่อปลดผนึกและเพิ่ม stat ด้านต่างๆ เช่น speed, wisdom หรือ power ให้กับเพื่อนในกลุ่มของเรา

ส่วนลูกสีทองตรงกลางนั้นให้สำรวจเป็ลูกสุดท้าย ในที่สุดเราก้ได้มาแล้วครับ สุดยอดของคาถาในตำนาน Ultima ซึ่งจะเลือกติดให้ใครก็ตามใจนะครับ แต่บอกไว้ก่อนว่า ต่อให้เป็น Ultima ก็เถอะ เมื่อติดตั้งแล้วมันจะเริ่ม start ที่ level 1 ซึ่งพลังทำลายกิ๊กก๊อกเหลือจะกล่าว (เบากว่าคาถา Fire หรือ Ice เสียอีก) แต่ Ultima จะเริ่มแผลงฤทธิ์ก็ต่อเมื่อฝึกได้ระดับ 7 ขึ้นไป

...แต่พูดก็พูดนะ ผมเองก็มีไว้ประดับเล่นเท่านั้นแหละ ใช้อาวุธที่มีอยู่กับมือนี่แหละดีกว่า แต่ถ้าไม่ขี้เกียจฝึกก็ไม่ว่ากันนะครับ ^^

อย่างยาวนานและทรหด พวกของเราก็ได้คาถาในตำนานมาแล้ว กลับไปรายงานองค์หญิงที่เมือง Phin กันเลยดีกว่า

 

12 - Storm Raider : ขี่พายุ ทะลุฟ้า!

ระหว่างทางจากหอคอยมิชิเดียมายังเมือง Phin ชักจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นแล้วล่ะครับ เพราะมอนสเตอร์ดูร้ายกาจขึ้น รูปร่างหน้าตาแปลกๆราวกับหลุดมาจากนรก แถมเมือง Altea ยังโดนถล่มราบเป็นหน้ากลอง ครั้งเหลียวมองหาผู้คนเพื่อสอบถามข่าวคราว ก็หาเจอสักคนไม่ เกิดอาเภทอะไรขึ้นล่ะเนี่ย...

เมื่อมาถึง Phin แล้ว องค์หญิงฮิลด้าจะบอกกับพวกของฟริโอนีลว่า จักรพรรดิ์ได้เรียกพายุร้ายขึ้นมา พร้อมทั้งใช้พายุนี้เป็นฐานบัญชาการเพื่อถล่ม Altea, Gatea, Palm และ Poft กรมอุตุนิยม เอ๊ย... สายสืบรายงานมาว่า ขณะนี้ พายุร้ายลูกนั้นกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้เมือง Phin ทุกขณะจิต

เจ้าขี้แยกอร์ดอนกล่าวว่า ขณะนี้ทุกอย่างดูสายเสียแล้ว สำหรับการหยุดความมักใหญ่ใฝ่สูงของจักรพรรดิ์ เพราะแม้แต่อุตมคาถาก็คงไม่สามารถสลายพายุลูกนั้นได้ เว้นเสียแต่จะมีใครบินขึ้นไป เพื่อทำลายพายุร้ายจากแกนกลาง

บินขึ้นไปขี่พายุรึ... พูดยังกะฟงอวิ๋นเลยนะพี่ ^^

ทั้งโล่งทั้งประหวั่นใจล่ะสิครับคราวนี้ ที่โล่งก็เพราะอย่างน้อยๆตอนนี้เรายังพอมีเวลา แถมไรล่าก็ยังมีชีวิตอยู่ ส่วนที่ประหวั่นก็คือ ทำยังไงเราถึงจะบินขึ้นไปบนพายุลูกนั้นได้ เรื่องบุกรุกนี่พอลคงถนัด ว่าแล้วก็ไปถามพอลดูดีกว่า

เมื่อใช้ Password คำว่าพายุกับพอล เขาจะบอกให้เราลองสำรวจหาห้องลับที่อยู่บริเวณเตียงนอน ซึ่งเราจะได้ Black Amour, Elixer และ Blood Sword (เย้!) มาอีกเล่มหนึ่ง ส่วนวิธีการขี่พายุนั้น พอลบอกใบ้ให้เราไปยังห้องกระจก ซึ่งตั้งอยู่ทางปีกซ้ายของปราสาท Phin

กลับไปที่ปราสาท Phin และขึ้นบันไดไปทางปีกซ้าย เดินต่อไปจนถึงชั้น 3 เราจะพบกับห้องกระจกขนาดใหญ่ ให้ใช้ Pandant หรือเครื่องรางของอัศวินมังกรที่กระจก ไข่ที่เราเคยทิ้งไว้ที่ปราสาท Dist จะกลับกลายเป็นฮิริวและบินมาที่ปราสาท Phin เมื่อฮิริวตัวสุดท้ายและอัศวินมังกรคนสุดท้ายมาพบกัน ก็เป็นอันว่าตอนนี้เรามีทั้งพาหนะทั้งสารถี ที่จะนำเราไปสู่พายุร้ายลูกนั้นแล้ว

จากนั้นก็เดินออกมานอกเมือง ตรงไปยังพายุที่กำลังเคลื่อนตัวมา ฮิริวจะพาเราฝ่ากำแพงลม เพื่อบุกปราการวายุกันแล้วครับ

สิ่งที่ซ่อนอยู่ในพายุอันเกรี้ยวกราด ก็คือปราการวายุ ป้อมบินเคลื่อนที่ของจักรวรรดิ์บาราเมเกียนี่เอง ลุยเข้าไปเลยฮิริวลูกพ่อ!

ทางในปราการวายุไม่ได้วกวนอะไรมาก มีสมบัติให้เก็บอยู่นิดๆหน่อยๆ แต่ผมแนะนำให้สำรวจให้ทั่วก่อนนะครับ เพราะทางบางสายจะนำเราไปสู่บัลลังก์ของจักรพรรดิ์เลย ถ้าเจอจักรพรรดิ์แล้ว เราจะย้อนมาเก็บของไม่ได้อีกแล้วนะ >.<~ เพราะงั้น สำรวจเพื่อเก็บอาวุธดีๆให้หมดก่อนก็แล้วกัน

ศัตรูที่ไม่น่าพลาดสำหรับปราการวายุก็คือทหารระดับนายพล หรือ General ทั้งหลายครับ เพราะพกของดีๆติดตัวมากมาย เช่น ชุดเกราะ Dimond, ธนู Yoichi, Poinson Axe ตลอดจนคาถาดีๆมากมาย อู้... ล่ำซำสมกับเป็นทหารของจักรวรรดิ์เสียจริงๆ

การต่อสู้กับพวกนี้เพื่อรวบรวมข้าวของอาจเสียเวลาหน่อย แถมเจ้าพวกนี้ก็ล้มยากใช่เล่น แต่เชื่อผมเถอะครับ ว่าคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม

มอนสเตอร์อีกตัวที่เราจะต้องพบพานก็คือ Green Dragon ระวัง Bio level 16 ของมันให้ดีครับ นอกนั้นก็ไม่น่าห่วง เพราะด้วย Blood Sword ในมือเรา มังกรร้ายก็ไม่ต่างอะไรกับจิ้งเหลนหรอก เมื่อไหร่ที่เจอหีบที่มี Green Dragon อยู่ นั่นแหละครับ ลางที่บอกว่า บัลลังก์แห่งปราการวายุอยู่ใกล้ๆเรานี่เอง

และแล้ว จักรพรรดิ์บาราเมเกียก็ได้มาอยู่เบื้องหน้าของพวกเราอีกครั้งหนึ่ง แต่การจะเอาชนะจักรพรรดิ์นั้นไม่ใช่ของง่ายเลย เพราะพี่แกมีองครักษ์รายรอบอยู่เต็มไปหมด เอ้า ฝ่าเข้าไปกันเลยครับ ^^!

หลังจากที่กองหน้าคนสุดท้ายล้มลง คราวนี้ก็ถึงคราวของจักรพรรดิ์บ้างล่ะครับ มันจะออกมาพร้อมกับสมุนคือ Golem และทหารม้าอีกสองตัว จัดการกับทัพหน้าคือโกเล็มเสียก่อน จากนั้นก็ทหารม้าอีกสองตัวตามลำดับ

ลำพังตัวจักพรรดิ์เองไม่ได้ยากเย็นอะไรเลยครับ เพราะมี HP ราวๆ 1200 เอง เมื่อกำจัดผู้ติดตามของมันไปแล้ว ภายใน 1Turn หรือ 2 Turn เราก็น่าจะส่งจักพรรดิ์ไปนั่งบัลลังก์ต่อในนรกได้อย่างไม่ยากนัก

ไชโย... สันติภาพกลับคืนมาสู่โลกแล้ว!

ผู้กล้าทั้งสี่เดินทางกลับ Phin ด้วยความปลื้มปิติ ณ ที่นั่น งานเลี้ยงฉลองความสำเร็จของเหล่า SeeD เอ๊ย... นักรบแห่งแสงก็ได้เริ่มขึ้น ขณะที่งานกำลังดำเนินไปด้วยความรื่นเริงนั้นเอง สายสืบผู้หนึ่งก็เข้ามารายงานว่า ขณะนี้กองกำลังของจักรววรดิ์ยังไม่ล่มสลายไปเสียทีเดียว พวกมันกำลังรวมตัวกันอีกครั้งภายใต้บัญชาของผู้นำคนใหม่ Dark Knight!

ที่น่าตกใจไปกว่านั้นก็คือ Dark Knight ผู้นี้หาใช่ใครอื่นไกลไม่ เขาคือ Lionheart เพื่อนร่วมตายของฟริโอนีลและกาย ซึ่งสาบสูยไปในตอนที่กองทัพจักรวรรดิ์เข้าโจมตีหมู่บ้าน แถมยังเป็นพี่ชายแท้ๆของมาเรียอีกด้วย

ภารกิจนี้คงไม่จบง่ายๆแน่ เพราะการตีปราสาทบาราเมเกียนั้น หนทางสำเร็จดูรางเลือนยิ่งกว่าปีนป่ายสู่สวงสวรรค์ ประการสำคัญอยู่ที่ปราสาทแห่งนั้นตั้งอยู่บนทิวเขาสูงทะมึน แล้วเราจะลอบเข้าไปได้อย่างไร?

ฮ่า ฮ่า... ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมครับว่า เรื่องบุกรุกสถานที่นั้น คนที่เราจะปรึกษาได้ก็คือนินจาพอล ให้ไปที่บ้านของพอลที่เมือง Phin การไปครั้งนี้เราจะพบกับอาคันตุกะผู้หนึ่งอย่างไม่คาดฝัน

ครับ เขาคือ Cid เจ้าของบริษัท Cid เดินอากาศ นั่นเอง Cid อยู่ในอาการโคม่าเพราะพิษแผลจากการโจมตีของจักรวรรดิ์ เขาได้ฝากฝังเรือเหาะไว้กับเรา และให้ใช้มันให้เป็นประโยชน์ในสงครามครั้งนี้ สั่งเสียเสร็จ Cid ก็จากไปอย่างสงบ เรือเหาะของ Cid นั้นยังจอดอยู่ที่เดิมครับ เสร็จสรรพจากการเตรียมตัวเมื่อไหร่ ก็เดินไปขึ้นเรือที่ Poft กันเลย

 

13 - Paramekia & Jade

จากนั้นให้ขึ้นเรือเหาะ และบินมาที่ปราสาทบาราเมเกีย (อยู่บนภูเขาใกล้ๆกับสนามประลอง) นำเรือเหาะร่อนลงบริเวณยอดของปราสาท โปรดระวังนิดถ้าคิดจะวาร์ปออกมาตั้งหลัก เพราะคาถา Warp หรือ Exit จะใช้ไเ้เฉพาะบริเวณชั้น 7 ของปราสาทเท่านั้น หากท่านตกลงไปจากชั้น 7 เมื่อไหร่ คาถานี้จะใช้ไม่ได้เมื่อนั้นครับ

ทางในปราสาทค่อนข้างซับซ้อน แถมมีหีบสมบัติล่อตาล่อใจอยู่พอประมาณ บางหีบเป็นแค่สมบัติกิ๊กก๊อก แต่บางหีบก็เป็นอาวุธดีๆ ราคาแพงๆที่ไม่น่าพลาดครับ เช่น Bolt Spear ที่เมื่อใช้เป็น Item แล้วสามารถ cast คาถาสายฟ้า Level 16 ได้ (อาวุธหลายๆชนิดในเกมนี้ที่มีชื่อเป็น Attribute ของธาตุ เมื่อใช้แทนไอเท็มก็จะกลายเป็นใช้คาถาครับ ข้อพึงระวังก็คือ เปอร์เซ็นต์ในการหายหรือพังของอาวุธมีค่อนข้างแยะ แต่ถ้าคุณไม่คิดจะขายเพื่อเอาเงินมาใช้ล่ะก็ เก็บไว้บ้างก็พอมีประโยชน์อยู่น๊า...)

อ้อ การ์ดที่เฝ้า Bolt Spear อยู่เป็นซอมบี้ของจักรพรรดิ์ที่ชื่อ Shade ใช้คาถา Cure กับมันจะสามารถกำจัดได้โดยง่ายครับ

ที่ชั้น 5 จะมีดาบสุริยะหรือ Sun Sword อยู่ เป็นอาวุธที่ใช้ได้ดีกับพวกอันเด้ดหรือศัตรูธาตุน้ำครับ ข้อแนะนำอย่างหนึ่งก็คือ ในปราสาทนี้มีศัตรูประเภท General และ Doom Raider เพ่นพ่านอยู่เยอะมาก และมักทิ้งของดีๆไว้ภายหลังการต่อสู้อยู่เสมอ ถ้าไม่รีบเร่งอะไรมาก จะเดินวนเวียนเพื่อดักฆ่าชิงทรัพย์เจ้าพวกนี้ จากนั้นนำไปขายต่อเพื่อซื้อ Elixer ก็เป็นไอเดียที่ไม่เลวอยู่ เพราะแป๊บเดียวเราจะได้ Elixer มาเป็นถังๆเลยล่ะครับ

ที่ชั้น 8 พวกของฟริโอนีลได้พบหน้ากับบุคคลผู้คิดว่าสาปสูญไปแล้ว LionHeart การเผชิญหน้าระหว่างพี่น้องและผองเพื่อนเป็นไปอย่างไม่ราบรื่นนัก ไลออนฮาร์ทมิอาจละทิ้งความเย้ายวนของอำนาจ ที่ปัจจุบันเขามีอยู่ในมือได้ ไม่ว่าฟริโอนีลหรือมาเรียจะพยายามเกลี้ยกล่อมอย่างไรก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผล ขณะที่การเจรจากำลังเข้าสู่จุดแตกหักนั้นเอง...

 

จักรพรรดิ์บาราเมเกียผู้ซึ่งน่าจะตายไปแล้วก็ได้ปรากฏร่างขึ้น ซ้ำยังมีพลังเพิ่มมากขึ้นจนสุดจะจินตนาการได้ จักรพรรดิ์ประกาศตนว่า ขณะนี้ด้วยการร่วมมือของจิตวิญญาณแห่งความมืด กองกำลังแห่งจักรวรรดิ์บาราเมเกียก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะจักรพรรดิ์มีขุมกำลังที่เหนือกว่าคอยหนุนหลัง นั่นคือเหล่าปีศาจร้ายจากขุมนรก

เอาล่ะสิครับ พลังของจักรพรรดิ์ตอนนี้เกินกว่าที่พวกของฟริโอนีลจะรับไหว ริชาร์ดผู้ไหวตัวได้สติก่อนคนอื่น ได้โถมเข้าถ่วงเวลาของจักรพรรดิ์เอาไว้ เพื่อให้พวกของฟริโอนีลหนีออกไปจากปราสาท เป็นอันว่าอัศวินมังกรคนสุดท้ายแห่ง Dist ก็ได้พลีชีพตามเพื่อนๆของเราไปอีกหนึ่งคนเสียแล้ว

เงาแห่งความมืดปกคุลมไปทั่วทั้งโลกเสียแล้วในตอนนี้ สิ่งที่พวกของฟริโอนีลได้เห็น ขณะหนีออกมาจากบริเวณนั้นก็คือ ภาพของปราสาทนรกแพนเดโมเนียม ที่ผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งของยมโลก ยอดอันมืดมนของมันตั้งตระหง่าน ราวกับจะประกาศถึงชัยชนะของความมืดที่มีต่อแสงสว่างอย่างภาคภูมิลำพอง

เมื่อกลับมาถึง Phin ฟริโอนีลได้อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น ให้กับฮิลด้าและกอร์ดอนรับฟัง ทุกคนขอความร่วมมือกับไลออนฮาร์ท ให้เขาใช้พลังที่มีอยู่ในการโค่นจักรพรรดิ์ลงอย่างถาวร คุยกับฮิลด้าและกอร์ดอนเพื่อเรียนรู้พาสเวิร์ดคำสุดท้าย [Jade] อันเป็นชื่อของเหวนรกที่เชื่อมไปสู่ปราสาทแพนเดโมเนียม ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ตรงปลายสุดของคาบสมุทร ทางตะวันตกของมิชิเดีย

ก่อนเดินทางสู่ศึกสุดท้าย พวกของฟริโนีลได้นำข่าวร้าย ไปแจ้งกับภรรยา-องริชาร์ดที่ปราสาท Dist เมื่อพูดคำว่า [Dragoon] กับเธอ เธอจะมอบดาบในตำนาน ซึ่งเป็นสมบัติตกทอดมาช้านานของตระกูล Dist ให้กับฟริโอนีล ครับ ดาบในตำนานที่อยู่คู่กับซีรี่ส์ FF ตลอดมา ดาบ Excalibur นั่นเอง

จากนั้นให้ไปที่เหวนรก Jade ซึ่งอยู่บริเวณปลายสุดของคาบสมุทรแถวเมืองมิชิเดีย ทางเข้าจะเป็นบ่อน้ำเล็กๆลักษณะดังภาพ

นรกสมชื่อขอรับท่าน นอกจาก G. Malboro ที่แห่กันออกมาทีละฝูงแล้ว ยังมี Abyss Worm กับ เกรทคิเมร่าเดินเพ่นพ่านเต็มไปหมด ตัวที่อันตรายที่สุดคือ G. Malboro นี่แหละครับ เพราะด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวของมัน จะทำให้เราเกิดสเตตัสผิดปกติแทบทุกชนิด ถ้าพลังป้องกันของกลุ่มเราไม่แข็งแกร่งพอล่ะก็ ฟุบกันอยู่หน้าทางเข้านี่แหละ ไม่ต้องไปไหนไกลหรอก

บริเวณชั้นที่มีน้ำตก เราจะพบ Rune Axe ขวานที่มีพลังโจมตีสูงสุดอยู่ในหีบ และแน่นอนครับ มีคิง เบฮีมอธ เฝ้าอยู่ตามฟอร์ม พยายามกำจัดมันให้ได้

ที่ชั้นล่างสุดของน้ำตก ให้เดินไปบริเวณหลังม่านน้ำตก จะมีเวทย์มนตร์สุดยอดของเกมนี้ (แต่ไม่แรงเท่า Ultima หรอกนะครับ) ขายอยู่ ถ้าไม่ขี้เกียจฝึกจะซื้อมาใช้ก็ได้นะครับ แต่ผมไม่ซื้อหรอก เพราะตอนนี้พลังอาวุธของเราน่าจะอยู่แถวๆ Level 14-15 แรงกว่าคาถาเป็นไหนๆ

ชั้นถัดไปเราจะได้โล่ห์ Aegis, หอก Holy และธนูโยอิจิมา เลือกใช้กันได้ตามอัธยาศัยและเลเวลอาวุธของท่านได้เลยครับ

ระหว่างทางเดินสู่ชั้นลึกสุด เราจะเจอป้ายประกาศเกียรติคุณของนักรบแห่งแสงรุ่นก่อน แปะอยู่บนผนังถ้ำ อ่านไม่อ่านก็ไม่มีผลอะไรกับเนื้อเรื่อง ให้เดินตามทางไปจนถึงแท่นวาร์ปซึ่งอยู่ชั้นในสุดของเหวนรก Jade ที่นั่น ... กองกำลังแห่งความมืดกำลังลับเขี้ยวรอคุณเดินเข้าไปหาอยู่ครับ

14 - Pandemonium

อะฮ้า เรามาถึงปราสาทมาแพนเดโมเนียมกันแล้วครับ จากนี้ไปขอให้ต่อสู้อย่างระมัดระวัง เนื่องจากมอนสเตอร์ที่นี่เก่งถึงขั้นเก่งสุดๆ บางตัวมีอบิลิตี้ที่ทำให้เราเป็นหินหรือตายยกหมู่ได้ในทีเดียว เพราะฉะนั้นอย่าประมาทครับ

ที่ชั้น 4 มีห้องเก็บสมบัติอันล้ำค่าของเกมนี้อยู่ สิ่งที่เราจะได้เห็นก็คือประตูลักษณะประหลาด 4 บาน ในขั้นแรกให้เลือกเข้าประตูทางซ้ายก่อน โดยประตูนี้จะนำเราไปสู่อุปกรณ์ Genji ชิ้นแรก...

โอ๊ะโอว... มีคนกลับมาจากนรกเพื่อทวงความแค้นกับเราเสียด้วยสิ เจ้า Borgan นั่นเองครับ มันกลับมาในรูปของซอมบี้และทำหน้าที่อารักขาถุงมือ Genji ไม่ต้องกลัวครับ ต่อให้ไม่มี Rocket Launcher เราก็จัดการมันได้สบายๆอยู่แล้ว

อย่าเพิ่งย้อนกลับทางเดิมนะครับ พยามเดินชิดขวาเข้าไว้ จะมีช่องทางที่สามารถทะลุห้องเล็กๆพวกนี้ไปต่อได้ จนกระทั่งมาถึงมุมขวาของห้องที่มีลักษณะดังภาพ ให้เดินทะลุกำแพงเข้าไปเพื่อพบกับ...

.

..ดาบที่แกร่งที่สุดใน Final Fantasy II ครับ ดาบนักบุญมาซามุเนะ ซึ่งมีพลังทำลายมากกว่าเอ็กซ์คาลิเบอร์ซะอีก (แถมเมื่อใช้ในลักษณะของ Item ดาบเล่มนี้ยังมีผลเหมือนคาถา Haste Level 11 ซะด้วย) จากนั้นให้กลับไปที่ห้องหลัก เลือกเข้าประตูที่อยู่ทางขวาเพื่อไปเอาหมวก Genji ซึ่งแน่นอนครับว่าต้องปะทะกับบอสอีกตัว มันคือ...

Tiamat! ครับ หนึ่งในบอสอภิมหาอมตะนิรันดร์กาลที่โผล่มาใน FF ทุกภาค ถ้าการต่อสู้กับบอสที่ผ่านมาคุณรู้สึกว่าง่ายล่ะก็ กับ Tiamat คุณคงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่แล้วแหละ จัดการมันให้ได้ จากนั้นจึงกลับไปที่ห้องโถงหลักอีกครั้ง

เหลืออีกสองหีบกับอีกสองประตู คิดว่าไม่น่าจะยากเท่าไหร่ ประตูที่อยู่ขวามือสุดจะนำเราไปสู่ชุดเกราะ Genji โดยมีผู้พิทักษ์คือ Lord of the fly ที่ชื่อเบลเซบัฟ กำลังร่ายคาถา Flare Level 16 รอเราอยู่

ที่เหลือก็คือเข้าไปยังประตูสุดท้าย เพื่อเอาหมวกที่ดีที่สุดในเกมคือ Ribbon มาไว้ในครอบครอง (แต่ผมมีครบชุดแล้วนะ ได้มาจากการฆ่าชิงทรัพย์เจ้า Queen Lamia ก่อนหน้านี้) บอสรองตัวสุดท้ายที่รอเราอยู่คือแอซทารอซ ผู้ได้ชื่อว่าเป็น Weapon แห่ง FF II เอาชนะมันให้ได้

เอาล่ะครับ เป็นอันว่าเรารวบรวมอาวุธในตำนานได้ครบแล้ว ถึงขั้นนี้ใครจะวาร์ปออกไปเซฟก่อนก็ไม่ว่ากัน เพราะหลังจากนี้คือการต่อสู้ครั้งสุดท้ายแล้ว ความมืด VS แสงสว่าง ใครจะอยู่ใครจะไป ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณแล้วล่ะครับ

ด้วยอุปกรณ์ Genji ครบเซ็ตรวมทั้ง Ribbon ทีนี้เราก็หมดข้อกังวลแล้วครับ ต่อให้ท่า Blaster ที่โดนทีเดียวตายของเจ้าคูอาลก็ไม่เป็นผลกับเราแล้ว แท่นวาร์ปสู่ศึกสุดท้ายอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของชั้น 6ไปที่นั่นกันเลยครับ

เดินมาจนสุดทางที่ห้องโล่งๆห้องหนึ่ง อ้อ... จะว่าโล่งก็ไม่เชิงนักครับ เพราะมีเทวรูปประหลาดๆอยู่เต็มไปหมด ทันทีที่มาเหยียบห้องนี้ พวกของฟริโอนีลก็รับรู้ถึงคอสโม่อันชั่วร้าย จัดแจงเติม HP และติดตั้ง Elixer ใส่ช่องไอเท็มเสียให้เรียบร้อย จากนั้นก็เดินลงมาทางมุมซ้ายล่างของห้อง (ดังภาพ) จะพบจุดวาร์ปไปยังบัลลังก์ของจักรพรรดิ์

 


ปะทะจักรพรรดิ์

ฟรีโอนีลและพวกพ้องสัมผัสถึงกลิ่นอายแห่งความชั่วร้ายที่รออยู่ ทางเดินเบื้องหน้าดูราบโล่งไม่วกวน ผิดกับปราสาทวงกตอันซับซ้อนที่เพิ่งผ่านมา แต่พวกเขาตระหนักอยู่แก่ใจว่า ทางเดินที่ทั้งตรงทั้งสั้นนี่แหละ ที่อันตรายกว่าหนทางใดๆที่พวกเขาเคยผ่านมา ศัตรูที่นั่งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ก็ร้ายกาจกว่าศัตรูที่พวกเขาเคยเผชิญมาอย่างทาบไม่ติด

...การต่อสู้ครั้งนี้มีชะตากรรมของโลกเป็นเดิมพัน

ด้วยพลังแห่งความมืดของ Dark Clound การจะล้มจักรพรรดิ์จึงมิใช่เรื่องง่าย กระทั่งดาบในตำนานอย่างมาซามุเนะ หรืออุตมะคาถา Ultima ยังแทบไม่มีความหมายเมื่อเผชิญกับพลังงานแห่งความชั่วร้ายนี้

เพลิงนรก Shadow Flare, มนตราอุกกาบาต Meteo พลังที่ไม่มีมนุษย์ผู้ใดใช้มันได้ได้ถูกจักรพรรดิ์ใช้ออกมาอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนฟริโอนีลและพรรคพวกหมดหนทางชนะเสียแล้ว... จักรพรรดิ์มีพลังอำนาจเหนือกว่านักรบทั้งสี่ในทุกๆด้าน

แต่...

จักรพรรด์บาราเมเกียมิได้มีและไม่มีวันจะมีสิ่งที่นักรบทั้งสี่มีอยู่ นั่นคือแสงสว่างและจิตใจที่รักความเป็นธรรม

การปะทะกันครั้งสุดท้ายระหว่างแสงสว่างและความมืด ฝ่ายใดจะได้รับชัยชนะ คำตอบขึ้นอยู่กับตัวคุณแล้ว...

บทส่งท้าย

ในความมืดมักมีประกายของแสงสว่าง และในแสงสว่างก็จะมีเงามืดปรากฏอยู่เนืองนิจ นี่เป็นกฏของจักรวาลที่ไม่มีผู้ใดฝืนได้

อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบันนี้ นักรบทั้งสี่ ฟริโอนีล กาย มาเรีย และไลออนฮาร์ท ได้นำแสงสว่างกลับมาสู่โลกอีกครั้ง บ้านเมืองที่สูญเสียเริ่มฟื้นฟู ธรรมชาติที่เคยแปรปรวนก็กลับดำเนินไปตามกฏและครรลองของมัน

ไลออนฮาร์ทจากไปตามทางของเขา ส่วนฟริโอนีลและพวกก็กลับไปที่หมู่บ้าน เพื่อนำสิ่งที่พวกเขาสูญเสียกลับมาใหม่

โลกกลับสู่ภาวะสงบสุขแล้ว แม้จะไม่ตลอดไป แต่อย่างน้อยก็ช่วงระยะหนึ่ง ด้วยความเสียสละของนักรบแห่งแสงสว่าง ผู้ที่พร้อมจะปรากฏกายขึ้นเมื่อความมืดทะมึนเริ่มปกคลุมโลก

แต่ไม่มีใครบอกได้ว่าความสงบจะมีอยู่อย่างจีรัง อย่างน้อยๆในที่ที่แสงสว่างส่องไม่ถึง ความมืดก็กำลังก่อตัวขึ้นเงียบๆ อยู่ในสถานที่ที่ไม่มีใครคาดคิด ที่นั่นอาจเป็นเหวนรก Jade ที่ถูกปิดตายไปแล้ว หรือเป็นไปได้แม้กระทั่ง...

...ในใจของมนุษยชาติเอง

Final Fantasy II Guide Complete.

Thank you for your reading.

© http://www.all-final.com

© All-Final Fantasy Staffs

 

เครดิต
Credit

ตัวละคร.
CHARACTER.


ข้อมูลเบื้องต้น
Basic information


ข้อมูลที่น่าสนใจ
ARRTICLE INTERESTING


ความลับ ,โกงเกม
Secrets, Cheat Game


เว็บไซต์:ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
Related Website

เกมที่เกี่ยวข้อง
Related games

ดาวน์โหลดเกม
GAME DOWNLOAD