• ศัตรูที่พบในเขตคอสโมแคนย่อน : Skee Skee, Golem, Crow Lance, Grand Horn, Gagi Handi

                - ที่บริเวณภูเขาจะมีพวก Skee Skee และ Golem ซึ่งทนต่อการโจมตีปกติ ควรใช้มนต์จัดการ

เร้ด13 รีบวิ่งเข้ามาคุยกับยามที่เฝ้าอยู่หน้าประตูเมือง

เร้ด13       "ฉันกลับมาแล้ว นี่ฉันนานากิไง"

ยาม          "อ้าว! นานากิ นายปลอดภัยรึเนี่ย! มาเลย ไปหาคุณบูเก้นฮาเก้นเร็ว"

คลาวด์      "......นานากิเหรอ?"      (เร้ด13วิ่งขึ้นไปด้านบน)

ให้คุยกับยาม เขาจะถามเราว่าคุ้นเคยกับคอสโมแคนยอนไหม

(1)     คุ้นเคยสิ – "โกหก ที่นี่ออกจะแตกต่างจากที่อื่นๆ"

(2)     ไม่เลย – "ที่นี่เป็นที่ๆคนทั่วโลก เดินทางมาเพื่อศึกษาเรื่องราวของดวงดาว"

ต้องตอบข้อสองเราจะคุยกันต่อ

แบเร็ต       "ว้าวววว! ฉันอยากมาที่นี่มานานแล้ว!"

ยาม          "อืม... แต่ตอนนี้คนเต็มแล้วน่ะ ฉันคงให้พวกนายเข้าไปไม่ได้"

แบเร็ต       (จ๋อย)

เร้ด13       "(ลงมาพูดกับยาม) พวกเขาช่วยฉันไว้นะ ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ"

ยาม          "โห! พวกนายช่วยนานากิไว้เหรอเนี่ย!? งั้นเชิญเข้ามาเลย"

คลาวด์      "นานากินี่ใครเหรอ?"

ยาม          "นานากิก็คือนานากิน่ะสิ .....ชื่อของเขาน่ะ"

เดินเข้ามาในเมืองแล้วให้เราเดินไปคุยกับเร้ด13 ที่บันได

เร้ด13       "ที่นี่เป็นที่ๆฉันเคยอยู่ ...คือ หมายถึงบ้านเกิดของฉันน่ะ เผ่าพันธุ์ของฉันเป็นผู้ปกป้องเหล่าผู้คนที่ชื่นชอบความงดงามของหุบเขาแห่งนี้ แม่ผู้กล้าหาญของฉันสู้จนตาย ผิดกับไอ้พ่อขี้ขลาดที่ทิ้งแม่หนีไป .....ฉันเป็นคนสุดท้ายในเผ่าพันธุ์ที่ยังเหลืออยู่"

คลาวด์      "พ่อขี้ขลาดเหรอ?"

เร้ด13       "ใช่! พ่อฉันมันสวะ!"

   "ฉันได้รับหน้าที่ปกป้องดินแดนนี้มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ....เราแยกกันที่นี่นะคลาวด์"

ผู้เฒ่า        "(ตะโกนมาแต่ไกล) นานากิ! กลับมาแล้วเหรอ!"

เร้ด13       "กลับมาแล้วปู่!"

แบเร็ต       "งั้นเราพักกันสักหน่อยเถอะ"

กลางเมืองมีคบไฟที่เรียกว่า Cosmo Candle ซึ่งจุดมานานหลายชั่วอายุคนแล้ว และเคยดับเพียงแค่ 1 ครั้งในวันที่เมืองนี้เกิดภัยพิบัติขึ้น เดินไปทางด้านบนเหนือคบไฟจะมีโรงแรมอยู่ เข้าไปในห้องนอนจะพบ Elixir และหน้าห้องนอนจะมีประกาศ Turtle Paradise No.5 ด้วย จากนั้นเดินกลับออกมาเดินขึ้นบันไดด้านซ้ายสุดของเมืองมาเรื่อยๆ จะพบ Turtle Paradise No.4 หน้าร้านอาวุธ ให้เราเดินขึ้นบันไดจนถึงชั้นบนสุดจะพบเร้ด13คุยกับผู้เฒ่าอยู่

เร้ด13       "คลาวด์ นี่บูเก้นฮาเก้นปู่ฉัน เขารู้ทุกอย่างเลยนะ"

บูเก้นฮาเก้น "โฮ่ๆๆ ได้ยินมาว่าเธอคอยช่วยดูแลนานากิมาตลอดนี่นะ นานากิเขายังเด็กอยู่น่ะ"

เร้ด13       "หยุดเถอะปู่ ผมอายุ48แล้วนะ"

บูเก้นฮาเก้น "โฮ่ๆๆ เผ่าพันธุ์ของนานากิอายุยืนมากนะ อายุ 48 มันก็เท่ากับ 15-16 ปีของมนุษย์นี่แหละ"

คลาวด์      "15-16 ปีงั้นเหรอ?"

บูเก้นฮาเก้น "เขาดูขรึมมากจนเธอคิดว่าเขาเป็นผู้ใหญ่งั้นสิ"

เร้ด13       "...ปู่ ผมอยากเป็นผู้ใหญ่ อยากเติบโตจนสามารถปกป้องปู่แล้วก็หมู่บ้านนี้ได้"

บูเก้นฮาเก้น "โฮ่ๆๆ นานากิ เธอยังยืนหยัดด้วยตัวเองไม่ได้อีกรึ การจะมาปกป้องหมู่บ้านตอนนี้มันเท่ากับเป็นการทำลายหนทางที่เธอจะก้าวไปนะ เธอเคยขึ้นไปถึงสวรรค์ เคยเข้าไปอยู่ในมหานครอย่างมิดการ์มาแล้วนี่.....ดูท่าจะยกตัวอย่างได้แย่ไปหน่อยแฮะ มันไม่ควรเป็นอย่างงั้นสิ......ดวงดาวช่างยิ่งใหญ่กว่าที่เธอคิดนัก เมื่อถึงเวลาที่ดวงดาวตาย เธออาจจะรู้ว่าจริงๆเธอไม่รู้อะไรเลย"

คลาวด์      "...เมื่อดวงดาวตายเหรอ?"

บูเก้นฮาเก้น "โฮ่ๆๆ อาจเป็นวันพรุ่งนี้หรืออาจจะอีก 100 ปีข้างหน้าก็ได้ แต่คงไม่นานนักหรอก"

คลาวด์      "คุณรู้ได้ยังไง?"

บูเก้นฮาเก้น "ฉันได้ยินเสียงร้องของดวงดาว"

คลาวด์ได้ยินเสียงคำรามโหยหวนจากท้องฟ้า

คลาวด์      "เสียงอะไรน่ะ?"

บูเก้นฮาเก้น "เสียงของดวงดาวบนท้องฟ้า จะได้ยินเมื่อดวงดาวเกิดหรือดับลง"

คลาวด์      "แล้วมันคืออะไร?"

บูเก้นฮาเก้น "โฮ่ๆๆ ก็เสียงร้องของดวงดาวไง ได้ยินไหมล่ะ? มันกำลังร้องว่า 'ฉันเจ็บปวด...ฉันทรมาน' "

เร้ด13       "พวกเขากำลังออกเดินทางเพื่อช่วยเหลือดวงดาว ปู่พาเขาไปดูไอ้นั่นสิ"

บูเก้นฮาเก้น "อ้อ พวกเธอกำลังช่วยดวงดาวอยู่งั้นเรอะ! โฮ่ๆๆ ก็ได้"

เร้ดจะบอกให้เราไปพาเพื่อนมาอีก 2 คนเพราะสิ่งที่เขาจะให้ดูนี้ ขึ้นไปได้เพียง 3 คนเท่านั้น ให้เราไปตามใครมาก็ได้ ซึ่งแต่ละคนจะอยู่กระจายกันไปในเมืองนี้ แบเร็ตอยู่ในห้องสมุดด้านบนร้านขายอาวุธ, ยุฟฟี่อยู่ในห้องหน้าประตูทางเข้าถ้ำกิ (กำลังแอบจิ๊กของตอนเจ้าของร้านหลับอยู่), เคทซิทอยู่ในห้องด้านขวาของยุฟฟี่, ทีฟาและแอริธอยู่ในบาร์หน้ากองไฟ, เร้ด13อยู่ห้องด้านหลังบาร์ (แต่เขาจะบอกว่าดูมาหลายรอบแล้ว) ให้คุยกับใครก็ได้จะเป็นการจัดกลุ่มเอาเพื่อนเข้ามาอีกสองคน จากนั้นเดินกลับมาหาบูเก้นฮาเก้น เขาจะพาเราขึ้นไปดูแพลเน็ตทาเรียม (ภาพจำลองดวงดาว)

แอริธ        "สวยจัง... เหมือนของจริงเลย"

บูเก้นฮาเก้น "นี่เป็นห้องทดลองของฉันเอง เป็นโฮโลแกรม3มิติทั้งหมด"

แอริธ        "ดูสิ ดาวตก! โห! เยี่ยมเลย"

บูเก้นฮาเก้น "เอ้า มาเข้าเรื่องกันเถอะ"

"เรารู้กันอยู่แล้วว่าทุกคนต้องตาย...แต่เมื่อตายแล้ว พวกเขาจะเป็นยังไงต่อไปล่ะ? ร่างกายจะย่อยสลายกลับสู่ดวงดาวตามที่เรารู้กัน แต่สติปัญญา, จิตใจ, และวิญญาณของเขาเหล่านั้นล่ะ? ความจริงก็คือวิญญาณก็กลับคืนสู่ดวงดาวด้วย ไม่ใช่แค่มนุษย์ แต่เป็นทุกชีวิตบนดวงดาว ..ไม่สิ ทุกชีวิตในจักรวาลนี้เป็นเหมือนกันหมด วิญญาณจะกลับคืนสู่ดวงดาว เข้ารวมกับวิญญาณอื่นๆ และวนเวียนหล่อเลี้ยงดวงดาวซึ่งเราเรียกกันว่าไลฟ์สตรีม หรือก็คือพลังงานวิญญาณที่ท่องไปในดวงดาว และพลังงานนั้นจะถูกส่งขึ้นมาบนโลก ก่อเกิดเป็นชีวิตใหม่ เมื่อตายก็จะกลับคืนสู่ดวงดาวอีกครั้ง แต่บางทีก็มีข้อยกเว้น มาดูนี่สิแล้วจะเข้าใจมากขึ้น..... "

<MOVIE> บูเก้นฮาเก้นใช้แพลเน็ตทาเรียมจำลองวัฏจักรของไลฟ์สตรีมให้พวกเราดู

 "พลังงานวิญญาณทำให้ทุกสิ่งทั้งคน, นก, ต้นไม้ เป็นอย่างที่มันเป็น ไม่เพียงแต่สิ่งมีชีวิต แต่รวมถึงดวงดาวด้วย พลังงานวิญญาณช่วยหล่อเลี้ยงให้ดวงดาวยังคงมีชีวิตอยู่ได้ แต่ถ้าพลังงานเหล่านั้นหมดไปล่ะ?"

บูเก้นฮาเก้นจำลองการสูบไลฟ์สตรีมออกจากดวงดาวให้เราดู และดาวจำลองก็แตกสลายไป

บูเก้นฮาเก้น "นี่เป็นพื้นฐานของการศึกษาชีวิตดวงดาว ถ้าพลังงานวิญญาณหมดไปดวงดาวจะถูกทำลาย โฮ่ๆๆ และต้องเป็นพลังงานวิญญาณโดยธรรมชาติเท่านั้นนะ ถ้าเป็นพลังงานที่ถูกแปรรูปไปแล้วก็ไม่สามารถทำหน้าที่ของมันได้แล้ว"

คลาวด์      "หมายถึงพลังงานมาโคใช่ไหม?"

บูเก้นฮาเก้น "เตามาโคได้สูบพลังงานไปจากดวงดาวเพื่อแปรสภาพเป็นพลังงานมาโค พลังแห่งชีวิตกำลังถูกใช้ไปเรื่อยๆมันมีแต่จะทำให้ดวงดาวตายเร็วขึ้นเท่านั้นเอง"