The DioField Chronicle
เดอะ ไดโอฟีลด์ โครนิเคิล
บทสรุปเกม
WALKTHROUGH
The DioField Chronicle : บทที่ 3-2 พันธมิตรและความโลภ
The DioField Chronicle
พันธมิตรและความโลภ
หาใช่มีเพียงฝ่ายจักรวรรดิเท่านั้นที่หมายตาเกาะดิโอฟิลด์ ฝ่ายสัมพันธมิตรโรเวเทลอันเป็นคู่ปรับกับฝ่ายจักรวรรดิมาอย่างยาวนานเองก็หาช่องทางเข้าหา ฝ่ายสัมพันธมิตรนั้นประกอบขึ้นมาจากประเทศใหญ่น้อยมากมายแต่ประเทศที่มีอิทธิพลมากที่สุดคืออาณาจักรเวอร์มา ทูตตัวแทนจากอาณาจักรเวอร์มานามว่าดาลมัสซิโอได้ติดต่อมาทางสภาสูงของอัลเลเทน สภาสูงจึงมอบหมายให้ดยุคเฮนเดเป็นตัวแทนเข้าไปเจรจา ดยุคเฮนเดเดินทางมาพร้อมกลุ่มบลูฟ็อกส์เพื่อมาพบทูตที่จุดนัดพบ เจรจากันอย่างไรไม่อาจทราบได้ แต่สุดท้ายการเจรจาครั้งนี้ก็ล้มเหลวและต้องหยุดชะงักลง
ดยุคเฮนเดได้เปิดเผยว่า ทางฝ่ายสัมพันธมิตรได้เรียกร้องให้อาณาจักรอัลเลเทนส่งมอบสัมปทานเหมืองผลึกเวทมนตร์เป็นเวลา 50 ปี ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่ไม่อาจยอมรับได้ จากนั้นได้มีอัศวินผู้หนึ่งของประเทศเวอร์มานามคัสทีเวียร์ บันนาว ได้มาส่งข่าวลับว่า ทูตจากฝายสัมพันธมิตรนั้นโกรธแค้นเป็นอย่างมากที่ถูกดยุคเฮนเดฉีกหน้า จึงวางแผนส่งทหารเข้ามาจับตัวดยุค เหตุที่คัสทีเวียร์มาช่วยเหลือบลูฟ็อกส์ซึ่งเท่ากับเป็นการทรยศต่อประเทศตัวเองนั้น คัสทีเวียร์กล่าวสั้นๆว่า "เหตุผลง่ายๆ เพราะประเทศนี้ทรยศข้าก่อน"
สาวแว่นลอเรนได้ส่งข่าวเรียกกำลังเสริมให้มาช่วยในทันที แต่ระหว่างนั้น บลูฟ็อกส์ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อซื้อเวลาปกป้องดยุคเฮนเดให้ได้ และด้วยความช่วยเหลือจากคัสทีเวียร์ที่รู้ยุทธวิธีของฝ่ายสัมพันธมิตรเป็นอย่างดี จึงสามารถต้านรับกองทหารม้าของฝ่ายสัมพันธมิตรไว้ได้จนกำลังหนุนมาถึง
หลังจากปลอดภัยกันแล้ว คัสทีเวียร์จึงได้บอกเล่าเรื่องราวของเขา เขาถูกยัดเยียดข้อหาที่เขาไม่ได้ก่อ เกิดจากสายลับของเวอร์มาที่ส่งไปทำภารกิจถูกสังหารโดย "Gungrit" ปืนศิลาเวทมนตร์ของฝ่ายจักรวรรดิ และเพราะคัสทีเวียร์นั้นพอจะมีความสามารถในการใช้อาวุธนี้อยู่บ้าง เขาจึงถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สังหารสายลับของประเทศตัวเอง และถูกตัดสินประหารชีวิต นั่นจึงทำให้เขาตัดสินใจหันหลังให้แผ่นดินเกิด และเข้าร่วมกลุ่มบลูฟ็อกส์ในที่สุด