Crisis Core: Final Fantasy 7
(as "Crisis Core: Final Fantasy VII")
ไครซิส คอร์: ไฟนอล แฟนตาซี 7
Crisis Core: Final Fantasy 7 - Chapter 10
Crisis Core: Final Fantasy 7
Chapter 10
My Living Legacy
"ดัมบ์แอปเปิ้ลปลูกกันแค่ในบาโนร่า"
"ทำไมล่ะ?"
"เพราะคุณภาพดินที่นี่แตกต่างจากที่อื่นน่ะ"
แซ็คขี่มอเตอร์ไซด์พาคลาวด์มาถึงบาโนร่า
"เจเนซิสถือแอปเปิ้ลติดตัวไว้ตลอด ชั้นน่าจะเอะใจเร็วกว่านี้นะ ตอนนี้เมืองเปลี่ยนไปเยอะเลยแฮะ"
บาโนร่าหลังถูกเครื่องบินของชินระทิ้งระเบิดเพื่อทำลายความเชื่อมโยงกับเจเนซิสแล้วก็มีสภาพกลายเป็นซากปรักหักพัง พื้นดินเลื่อนลงจนมองเห็นเมืองที่อยู่ใต้พื้นดิน แซ็คบอกกับลาาร์ดที่บินตามมาฝากให้เขาช่วยดูแลคลาวด์ แล้วเขาก็สังเกตเห็นกระแสไลฟ์สตรีมพวยพุ่งออกจากด้านหลังของหมู่บ้าน เดินไปทางด้านขวาจะเข้ามายังชานเมืองบาโนร่า เลือกข้อแรกเพื่อกระโดดลงไปในหลุมที่มีไลฟ์สตรีมพุ่งขึ้นมา แซ็คจะมาถึงทางใต้ดิน
"มีที่แบบนี้อยู่ด้วยเหรอเนี่ย? มันเชื่อมไปถึงไหนกันนะ?"
บนโต๊ะมีบันทึก, ภาพเก่าๆ และของรางวัลที่ครอบครัวของเจเนซิสเคยได้มา
"รางวัลที่หนึ่ง: น้ำบาโนร่าไวท์ หมวดผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป รางวัลเกษตรแห่งชาติ ว้าว~
ผมได้ไอเดียผลิตน้ำผลไม้นี้จากเด็กหนุ่มเมืองบาโนร่าที่ชื่อเจเนซิส โอ้โฮเฮะ
เจเนซิสให้สัมภาษณ์ว่า: ผมรู้สึกเป็นเกียรติมาก น้ำบาโนร่าอร่อยมาก แต่ผลมันกินเปล่าๆก็อร่อยเหมือนกัน ความฝันของผมและพ่อกับแม่คือวันนึงจะได้ยื่นแอปเปิ้ลของเราให้วีรบุรุษเซฟิรอธ เราอายุพอๆกัน ผมอยากให้เขาได้เห็นความสำเร็จของผมด้วย"
"เจเนซิส..." แซ็ควางหนังสือลงกับโต๊ะ "เราจะช่วยหมอนั่นได้ยังไงนะ...?"
ตรงเข้ามาด้านขวาต่อจะลงมายังหุบเหวแห่งการพิพากษา (Depths of Judgment) ฉากทางใต้ดินบาโนร่านี้เป็นดันเจี้ยนสุดท้ายที่ซับซ้อนที่สุดในเกมนี้ ขอให้ดูแผนที่ประกอบครับ
ผมได้ไอเดียผลิตน้ำผลไม้นี้จากเด็กหนุ่มเมืองบาโนร่าที่ชื่อเจเนซิส โอ้โฮเฮะ
เจเนซิสให้สัมภาษณ์ว่า: ผมรู้สึกเป็นเกียรติมาก น้ำบาโนร่าอร่อยมาก แต่ผลมันกินเปล่าๆก็อร่อยเหมือนกัน ความฝันของผมและพ่อกับแม่คือวันนึงจะได้ยื่นแอปเปิ้ลของเราให้วีรบุรุษเซฟิรอธ เราอายุพอๆกัน ผมอยากให้เขาได้เห็นความสำเร็จของผมด้วย"
"เจเนซิส..." แซ็ควางหนังสือลงกับโต๊ะ "เราจะช่วยหมอนั่นได้ยังไงนะ...?"
ตรงเข้ามาด้านขวาต่อจะลงมายังหุบเหวแห่งการพิพากษา (Depths of Judgment) ฉากทางใต้ดินบาโนร่านี้เป็นดันเจี้ยนสุดท้ายที่ซับซ้อนที่สุดในเกมนี้ ขอให้ดูแผนที่ประกอบครับ
สิ่งที่จำเป็นในการเปิดประตูสุดท้ายคือมาทีเรียแดงที่เรียกว่า Goddess Materia ทั้งเจ็ดลูก
- Light Materia, Heaven Materia, Ground Materia, Star Materia พบในหุบเหวแห่งการพิพากษา
- เดินลงมาด้านล่างออกมายังทะเลสาบเลือนความทรงจำ (Lake of Oblivion) ที่นี่มี Life Materia, Being Materia และ Sabbath Materia อยู่
- เมื่อได้ครบทั้งเจ็ดลูกแล้วกลับมาที่หุบเหวแห่งการพิพากษา แล้วเดินลอดอุโมงค์ด้านซ้ายออกมาด้านบนจะมาถึงประตูแห่งการพลัดพราก (Portal of Severance) ใส่มาทีเรียทั้งเจ็ดบนแท่น ประตูสุดท้ายจะเปิดออก เราสามารถสู้กับบอสรองและบอสใหญ่ของเกมนี้และจบเกมได้ทันที
แต่หากต้องการเก็บไอเท็มทั้งหมดในดันเจี้ยน (ซึ่งไม่ได้มีไอเท็มดีอะไรนัก) จะต้องทำตามขั้นตอนดังนี้
- อ่านศิลาบันทึกเลิฟเลสให้ครบทั้ง4แผ่น (ตำแหน่งสีชมพูในแผนที่) เป็นการสรุปเรื่องราวของเลิฟเลสแต่ละองก์
LOVELESS - PROLOGUE
เมื่อสงครามแห่งเหล่าอสูรนำพาโลกไปยังยุคสิ้นกาล เทพธิดาจักจุติจากฟากฟ้า
ปีกแห่งแสงและความมืดมิดแผ่ขยาย นำทางผองเราสู่ความสุข
....อันเป็นของขวัญนิรันดร
LOVELESS - ACT I
ความลึกลับไร้จุดสิ้นสุด
ของขวัญแห่งเทพธิดาคือสิ่งซึ่งชายทั้งสองเฝ้าตามหา
แต่ชะตากรรมพวกเขาแตกกระจายด้วยสงคราม
คนหนึ่งเป็นวีรบุรุษ
คนหนึ่งออกเดินทาง
และคนหนึ่งถูกจองจำ
แต่ทั้งสามยังคงผูกพันกันด้วยคำมั่น
ว่าจะร่วมกันหาคำตอบนี้อีกครั้ง
LOVELESS - ACT II
แม้นักโทษจะหนีไปได้แต่เขาก็บาดเจ็บสาหัส
สตรีผู้ต่อต้านประเทศชาติได้ช่วยเหลือเขาไว้
เขาปลีกวิเวกออกมาเริ่มต้นชีวิตใหม่กับเธอ
ทุกสิ่งกำลังจะลงเอยด้วยดี
แต่ยิ่งมีความสุข รอยแผลแห่งสำนึกบาปก็ยิ่งทำให้เขาเจ็บปวด
บาปที่เขาไม่อาจทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเพื่อนของเขาได้
LOVELESS - ACT III
สงครามนำพาโลกไปสู่ความพินาศย่อยยับ
นักโทษได้ออกเดินทางไปพร้อมความรักเต็มดวงใจ
ออกไปสู่การเดินทางครั้งใหม่
เขามุ่งหน้าไปโดยหวังว่าของขวัญนั้นจะนำมาซึ่งความรุ่งโรจน์
และเพื่อลุต่อคำสัญญาที่ได้ให้แก่เพื่อนไว้
แม้มิได้เอ่ยสาบานต่อนางผู้เป็นที่รัก
แต่หัวใจของเขาก็เชื่อมั่นว่าจะได้กลับมาพบกันอีกครา
- มายังทะเลสาบเลือนความทรงจำ สำรวจตำแหน่งที่ไลฟ์สตรีมพวยพุ่งขึ้นจะมีมอนสเตอร์ที่เป็นโคลนของเจเนซิส (รูปร่างเหมือนในหลอดทดลองที่นีเบิ้ลไฮม์) ออกมาสู้ด้วย มีทั้งหมดห้าตัวตั้งชื่อตามหุบเขาทั้งสี่ในขุมนรกลึกสุดของกรีซและลูซิเฟอร์ เมื่อเราอ่านศิลาเลิฟเลสครบแล้วจะสามารถสู้กับมอนสเตอร์ในไลฟ์สตรีมได้ครบ ทั้งห้าตัว พวกมันเป็นมอนสเตอร์ที่หลุดเข้าไปในไลฟ์สตรีมและมาออกที่นี่
- Light Materia, Heaven Materia, Ground Materia, Star Materia พบในหุบเหวแห่งการพิพากษา
- เดินลงมาด้านล่างออกมายังทะเลสาบเลือนความทรงจำ (Lake of Oblivion) ที่นี่มี Life Materia, Being Materia และ Sabbath Materia อยู่
- เมื่อได้ครบทั้งเจ็ดลูกแล้วกลับมาที่หุบเหวแห่งการพิพากษา แล้วเดินลอดอุโมงค์ด้านซ้ายออกมาด้านบนจะมาถึงประตูแห่งการพลัดพราก (Portal of Severance) ใส่มาทีเรียทั้งเจ็ดบนแท่น ประตูสุดท้ายจะเปิดออก เราสามารถสู้กับบอสรองและบอสใหญ่ของเกมนี้และจบเกมได้ทันที
แต่หากต้องการเก็บไอเท็มทั้งหมดในดันเจี้ยน (ซึ่งไม่ได้มีไอเท็มดีอะไรนัก) จะต้องทำตามขั้นตอนดังนี้
- อ่านศิลาบันทึกเลิฟเลสให้ครบทั้ง4แผ่น (ตำแหน่งสีชมพูในแผนที่) เป็นการสรุปเรื่องราวของเลิฟเลสแต่ละองก์
LOVELESS - PROLOGUE
เมื่อสงครามแห่งเหล่าอสูรนำพาโลกไปยังยุคสิ้นกาล เทพธิดาจักจุติจากฟากฟ้า
ปีกแห่งแสงและความมืดมิดแผ่ขยาย นำทางผองเราสู่ความสุข
....อันเป็นของขวัญนิรันดร
LOVELESS - ACT I
ความลึกลับไร้จุดสิ้นสุด
ของขวัญแห่งเทพธิดาคือสิ่งซึ่งชายทั้งสองเฝ้าตามหา
แต่ชะตากรรมพวกเขาแตกกระจายด้วยสงคราม
คนหนึ่งเป็นวีรบุรุษ
คนหนึ่งออกเดินทาง
และคนหนึ่งถูกจองจำ
แต่ทั้งสามยังคงผูกพันกันด้วยคำมั่น
ว่าจะร่วมกันหาคำตอบนี้อีกครั้ง
LOVELESS - ACT II
แม้นักโทษจะหนีไปได้แต่เขาก็บาดเจ็บสาหัส
สตรีผู้ต่อต้านประเทศชาติได้ช่วยเหลือเขาไว้
เขาปลีกวิเวกออกมาเริ่มต้นชีวิตใหม่กับเธอ
ทุกสิ่งกำลังจะลงเอยด้วยดี
แต่ยิ่งมีความสุข รอยแผลแห่งสำนึกบาปก็ยิ่งทำให้เขาเจ็บปวด
บาปที่เขาไม่อาจทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเพื่อนของเขาได้
LOVELESS - ACT III
สงครามนำพาโลกไปสู่ความพินาศย่อยยับ
นักโทษได้ออกเดินทางไปพร้อมความรักเต็มดวงใจ
ออกไปสู่การเดินทางครั้งใหม่
เขามุ่งหน้าไปโดยหวังว่าของขวัญนั้นจะนำมาซึ่งความรุ่งโรจน์
และเพื่อลุต่อคำสัญญาที่ได้ให้แก่เพื่อนไว้
แม้มิได้เอ่ยสาบานต่อนางผู้เป็นที่รัก
แต่หัวใจของเขาก็เชื่อมั่นว่าจะได้กลับมาพบกันอีกครา
- มายังทะเลสาบเลือนความทรงจำ สำรวจตำแหน่งที่ไลฟ์สตรีมพวยพุ่งขึ้นจะมีมอนสเตอร์ที่เป็นโคลนของเจเนซิส (รูปร่างเหมือนในหลอดทดลองที่นีเบิ้ลไฮม์) ออกมาสู้ด้วย มีทั้งหมดห้าตัวตั้งชื่อตามหุบเขาทั้งสี่ในขุมนรกลึกสุดของกรีซและลูซิเฟอร์ เมื่อเราอ่านศิลาเลิฟเลสครบแล้วจะสามารถสู้กับมอนสเตอร์ในไลฟ์สตรีมได้ครบ ทั้งห้าตัว พวกมันเป็นมอนสเตอร์ที่หลุดเข้าไปในไลฟ์สตรีมและมาออกที่นี่
- หลังกำจัดทั้งห้าตัวได้แล้วเส้นทางโปร่งแสงจะปรากฏขึ้นด้านบน สามารถเชื่อมไปยังเรือนจำแห่งพันธนาการได้
- ในเรือนจำสามารถเปิดกรงขังได้โดยหมุนพวงมาลัย ประตูบางจุดต้องใช้กุญแจพิเศษในการไขตามที่ลิสต์ไว้ในแผนที่ กุญแจต่างๆจะดรอปจากมอนสเตอร์ที่ปรากฏตัวในเรือนจำดังนี้
Goddess Base Key: ดรอปจากการปราบ Nightmare (ผีหัวฟักทอง) ครั้งแรกสุด
Goddess Sacral Key: ดรอปจากการปราบ Nightmare ครั้งที่สอง
Goddess Solar Key: ดรอปจากการปราบ Mover (ลูกกลมๆ3ลูก) ครั้งแรกสุด
Goddess Heart Key: ดรอปจากการปราบ Mover ครั้งที่สอง
Goddess Throat Key: ดรอปจากการปราบ Death Machine (เครื่องจักร) ครั้งแรกสุด
- ในเรือนจำสามารถเปิดกรงขังได้โดยหมุนพวงมาลัย ประตูบางจุดต้องใช้กุญแจพิเศษในการไขตามที่ลิสต์ไว้ในแผนที่ กุญแจต่างๆจะดรอปจากมอนสเตอร์ที่ปรากฏตัวในเรือนจำดังนี้
Goddess Base Key: ดรอปจากการปราบ Nightmare (ผีหัวฟักทอง) ครั้งแรกสุด
Goddess Sacral Key: ดรอปจากการปราบ Nightmare ครั้งที่สอง
Goddess Solar Key: ดรอปจากการปราบ Mover (ลูกกลมๆ3ลูก) ครั้งแรกสุด
Goddess Heart Key: ดรอปจากการปราบ Mover ครั้งที่สอง
Goddess Throat Key: ดรอปจากการปราบ Death Machine (เครื่องจักร) ครั้งแรกสุด
ประตูที่ต้องใช้ Laboratory Key ไข เมื่อเข้าไปแล้วจะพบมาทีเรีย 4 อัน (เหมือนที่เซฟิรอธเรียกออกมา) เข้ามาสู้กับ เรา หากเราไม่ติด Raise เมื่อชนะแล้วมันจะดรอป Phoenix Down ในห้องแล็บนี้จะมีโน้ตทิ้งไว้ เล่าว่าพวกมอนสเตอร์ที่เราพบในทะเลสาบเลือนความทรงจำนั้นเป็นตัวทดลองที่ยัง เปลี่ยนสภาพไม่สมบูรณ์ พวกมันหนีออกไปและถูกดูดเข้าไปในไลฟ์สตรีม ถ้าปล่อยไว้พวกมันจะตายไปเอง ไม่จำเป็นต้องตามล่าและกำจัด
- ในโซนถัดมาเรียกว่าคมเขี้ยวคำราม มอนสเตอร์จะแตกต่างจากเรือนจำแห่งพันธนาการ และยังคงต้องปราบมอนสเตอร์บางชนิดเพื่อนำกุญแจมาไขประตูในโซนนี้
Goddess Third Eye Key: ดรอปจากการปราบ Evil Eye (ตาเดียวมีปีก) ครั้งแรกสุด
Goddess Crown Key: ดรอปจากการปราบ Grosspanzer (รถถัง) ครั้งแรกสุด
หลังเก็บ Iron Bar Key แล้วนำมาเปิดกุญแจห้องขังคิงเบฮีมอธ สู้กับมันให้ชนะ (HP 118,780) จะได้ Goddess Wing Key มา สามารถใช้ไขประตูด้านหลังกรงขัง ออกมายังลิฟต์และลงมาที่ประตูแห่งการพลัดพรากได้ (แค่นั้นแหละ-อย่าลืมเก็บไอเท็มระหว่างทางที่ผ่านๆมาให้ครบ)
Goddess Third Eye Key: ดรอปจากการปราบ Evil Eye (ตาเดียวมีปีก) ครั้งแรกสุด
Goddess Crown Key: ดรอปจากการปราบ Grosspanzer (รถถัง) ครั้งแรกสุด
หลังเก็บ Iron Bar Key แล้วนำมาเปิดกุญแจห้องขังคิงเบฮีมอธ สู้กับมันให้ชนะ (HP 118,780) จะได้ Goddess Wing Key มา สามารถใช้ไขประตูด้านหลังกรงขัง ออกมายังลิฟต์และลงมาที่ประตูแห่งการพลัดพรากได้ (แค่นั้นแหละ-อย่าลืมเก็บไอเท็มระหว่างทางที่ผ่านๆมาให้ครบ)
หลังใส่ Goddess Materia ทั้งเจ็ดลูกเพื่อเปิดประตูแล้ว เซฟก่อนสู้กับก้อปปี้ของเจเนซิสที่กระโดดออกมาขวางเรา
BOSS G Regicide HP 95800 |
ศัตรูตัวสุดท้ายก่อนพบบอส นอกจากการเอากงเล็บกวาดไปมาแล้วมันมีเวท Firaga และ Tri-Thundaga อยู่ แต่ก็เคลื่อนไหวไม่เร็วนัก ให้ใช้วิธีตลบหลังฟันรัวเหมือนศัตรูทั่วๆไป |
เมื่อเอาชนะได้แล้วเข้าไปในประตู Light of Doom แล้วตอบข้อแรกเพื่อเดินเข้าไป แซ็คจะมายังห้องโถงใต้ดินที่มีซากต้นบาโนร่าขนาดใหญ่ค้ำมาทีเรียลูกยักษ์ อยู่ ด้านหน้ามีรูปปั้นเทพธิดาถือแอปเปิ้ล และเจเนซิสที่อยู่ที่นี่ก็เริ่มเล่าเลิฟเลสองก์ที่สี่
วิญญาณแห่งข้ามัวหมองด้วยสำนึกแค้น
ข้าแบกรับความทุกข์แสนสาหัสออกตามหาจุดสิ้นสุดแห่งวาระพเนจรเพื่อหนทางหลุดพ้น
"มาช้าจังนะ"
"เลิฟเลสอีกแล้วเรอะ?"
"แกสืบทอดจิตวิญญาณของแองจีลมา และส่วนหนึ่งของเซฟิรอธก็อยู่ในร่างแก ...เหมือนกับเพื่อนทั้งสามได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งเลยนะ เรื่องราวในเลิฟเลสเกิดขึ้นซ้ำรอยอีกแล้ว"
"เลิกบ้าซะทีน่าเจเนซิส!"
เมื่อสงครามแห่งเหล่าอสูรนำพาโลกไปยังยุคสิ้นกาล
"ชั้น...ชั้นมาเพื่อช่วยแกนะ!"
เทพธิดาจักจุติจากฟากฟ้า
ปีกแห่งแสงและความมืดมิดแผ่ขยาย นำทางผองเราสู่ความสุข
....อันเป็นของขวัญนิรันดร
มาทีเรียยักษ์ส่องสว่างขึ้น
"นั่นมันอะไรกัน?"
"ของขวัญแห่งเทพธิดา... พรจากสวรรค์ที่พบได้เพียงในบาโนร่าเท่านั้น"
"ชั้นคิดว่าเซลล์คือของขวัญที่ว่านั่นซะอีก!"
"ก็มีคนตีความไปหลายแบบ"
"ชั้นไม่เข้าใจ....."
"กุญแจไขปริศนาก็คือตัวของขวัญเองนี่แหละ ...พวกเราทั้งหมด ...จะกลับไปรวมกันในไลฟ์สตรีม ...แกเองก็เช่นกัน ดาวดวงนี้ได้จุติเป็นเทพพิทักษ์ของข้าแล้ว....."
เจเนซิสรับพลังที่มาทีเรียดึงออกมาจากดวงดาว
"พูดกับชั้นสิ! อย่าปล่อยให้มันควบคุมแก! แกไม่ใช่มอนสเตอร์! แกเป็นพวกเดียวกับเรา!"
เสียงของแซ็คไปไม่ถึงเจเนซิส เขาเปลี่ยนสภาพด้วยพลังมหาศาลที่รับจากดวงดาว แซ็คชักดาบออกมาแล้วพุ่งเข้าหาเจเนซิสทันที
"เลิฟเลสอีกแล้วเรอะ?"
"แกสืบทอดจิตวิญญาณของแองจีลมา และส่วนหนึ่งของเซฟิรอธก็อยู่ในร่างแก ...เหมือนกับเพื่อนทั้งสามได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งเลยนะ เรื่องราวในเลิฟเลสเกิดขึ้นซ้ำรอยอีกแล้ว"
"เลิกบ้าซะทีน่าเจเนซิส!"
เมื่อสงครามแห่งเหล่าอสูรนำพาโลกไปยังยุคสิ้นกาล
"ชั้น...ชั้นมาเพื่อช่วยแกนะ!"
เทพธิดาจักจุติจากฟากฟ้า
ปีกแห่งแสงและความมืดมิดแผ่ขยาย นำทางผองเราสู่ความสุข
....อันเป็นของขวัญนิรันดร
มาทีเรียยักษ์ส่องสว่างขึ้น
"นั่นมันอะไรกัน?"
"ของขวัญแห่งเทพธิดา... พรจากสวรรค์ที่พบได้เพียงในบาโนร่าเท่านั้น"
"ชั้นคิดว่าเซลล์คือของขวัญที่ว่านั่นซะอีก!"
"ก็มีคนตีความไปหลายแบบ"
"ชั้นไม่เข้าใจ....."
"กุญแจไขปริศนาก็คือตัวของขวัญเองนี่แหละ ...พวกเราทั้งหมด ...จะกลับไปรวมกันในไลฟ์สตรีม ...แกเองก็เช่นกัน ดาวดวงนี้ได้จุติเป็นเทพพิทักษ์ของข้าแล้ว....."
เจเนซิสรับพลังที่มาทีเรียดึงออกมาจากดวงดาว
"พูดกับชั้นสิ! อย่าปล่อยให้มันควบคุมแก! แกไม่ใช่มอนสเตอร์! แกเป็นพวกเดียวกับเรา!"
เสียงของแซ็คไปไม่ถึงเจเนซิส เขาเปลี่ยนสภาพด้วยพลังมหาศาลที่รับจากดวงดาว แซ็คชักดาบออกมาแล้วพุ่งเข้าหาเจเนซิสทันที
BOSS Genesis Avartar HP 600000 Materia HP 230000 G Shadow Scythe HP 5072 G Shadow Knight HP 5500 G Shadow Mage HP 4463 |
เจเนซิสร่างอวตารจะอยู่ไกลเกินระยะโจมตีปกติ ใช้เวทยิงได้ แต่วิธีง่ายที่สุดคือรอให้มันปักดาบลงพื้น (แกนของดาบคือมาทีเรียที่ดึงพลังจากดวงดาวให้เจเนซิส หากทำลายมาทีเรียนี้ได้ก็ชนะเช่นเดียวกัน) จังหวะที่ปักดาบมันจะเรียกเงา G Shadow ออกมา (คอยไล่ฟัน, ใช้ Firaga หรือ Drain ใส่เรา) กำจัดให้หมดแล้วซัดการโจมตีถล่มใส่ดาบที่ปักอยู่ ในจังหวะที่มันชักดาบกลับไปตัวอวตารเองมีท่า Overdrive ที่ลด MP และ AP และหักสภาวะบวกทุกอย่างออก, Flare ที่ระเบิดไฟขนาดใหญ่ใส่ทั้งหน้าจอ และ Shadow Flare ที่ร่ายไฟแห่งความมืดพุ่งออกมาโจมตีเรา 4 ลูก ลิมิตเบรกของอวตารคือ Purgatorial Wave ที่รวมไลฟ์สตรีมเข้าไปในดาบแล้วฟาดคลื่นออกมาลดพลังชีวิต 3/4 แม้จะมีศักดิ์บอสใหญ่ของภาคนี้แต่การต่อสู้ก็ไม่มีอะไรน่าหวาดเสียว หมั่นสร้างบาเรียร์และเติมพลังก็จะชนะไม่ยาก |
หลังเอาชนะได้แล้ว เจเนซิสจะกลับสู่ร่างเดิม
วิญญาณแห่งข้ามัวหมองด้วยสำนึกแค้น
ข้าแบกรับความทุกข์แสนสาหัสออกตามหาจุดสิ้นสุดแห่งวาระพเนจรเพื่อหนทางหลุดพ้น
และเพื่อให้เจ้าได้หลับใหลไปชั่วนิรันดร์
"งั้น... นายก็รู้ว่าจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้วน่ะสิ?" แซ็คถามขึ้น
เจเนซิสพุ่งเข้าฟันแต่แซ็คหลบได้
"เข้ามาเลย โซลเยอร์ 1st คลาส แซ็ค!"
"ทำไมทุกคนต้องเอาอะไรๆมาให้ชั้นแบกรับด้วยน้า?"
แซ็คชักดาบออกมาสู้ตัดสินกับเจเนซิส
BOSS Genesis HP 99999 |
การต่อสู้ครั้งสุดท้ายกับเจเนซิส โซลเยอร์ 1st คลาสในตำนานที่เหลืออยู่ ซึ่งด้วยฝีมือแซ็คตอนนี้แล้วไม่มีอะไรน่าหนักใจนัก เจเนซิสมีกระบวนดาบที่หลากหลาย แตกต่างกันที่จำนวนคอมโบและความรุนแรง เขาสามารถยิงเวทติดตามออกมาสี่ลูก และยังคงมีลิมิตเบรค Apocalyse เหมือนกับที่แซ็คใช้ |
ดาบของเจเนซิสถูกแซ็คฟันกระเด็นหลุดจากมือไป พอรู้สึกตัวอีกทีรอบตัวเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยไลฟ์สตรีม แอปเปิ้ลในมือเทวรูปส่องแสงขึ้นแล้วเทพธิดา ซึ่งก็คือความนึกคิดของดาวดวงนี้ก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขา
เจเนซิสปรารถนาช่วงเวลานี้มาตลอด เขาเดินเข้าหาโดยหวังว่าเทพธิดาจะยอมรับการไถ่บาปเพื่อกอบกู้เกียรติภูมิในฐานะโซลเยอร์ของเขา แต่เธอหลับตาลงราวกับจะบอกให้เจเนซิสรู้ว่าหน้าที่ของเขายังไม่จบสิ้น แล้วเทพธิดาก็ส่งเจเนซิสกลับมา
รูปปั้นเทพธิดาพังทลายลง เจเนซิสนอนหมดสภาพอยู่แทบเท้าแซ็ค แซ็คสะพายเจเนซิสขึ้นไหล่เดินกลับขึ้นไปด้านบน
ตอนนี้เป็นเวลารุ่งสาง แซ็คพาเจเนซิสมาพักข้างๆคลาวด์และลาซาร์ดที่นั่งอยู่ ลาซาร์ดบาดเจ็บสาหัส เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่แซ็คลงไปด้านล่าง
"ชินระเข้าจู่โจมพวกเรา แต่ไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นช่วยผมไว้น่ะ" เขาชี้มาที่มอนสเตอร์หน้าแองจีลที่คอยเฝ้าดูแซ็คมาตลอด ตอนนี้มันตายด้วยบาดแผลจากการต่อสู้กับพวกชินระแล้ว
"เจ้าเองรึ..."
แซ็คยังไม่ทันหายเศร้าดี ลาซาร์ดก็หมดลมไปอีกคน
"ผบ....."
เขาเสียใจที่คนรอบตัวค่อยๆจากไปทีละคนๆ แต่ใบหน้าของลาซาร์ดกลับยิ้มอย่างมีความสุข
"ขอบคุณมากครับ"
แซ็คนำดัมบ์แอปเปิ้ลวางไว้ในมือเจเนซิสและคลาวด์ที่ยังไม่ได้สติ
"เรามากินกันเถอะ โทษทีนะชั้นไม่ใช่คนๆนั้น แต่ก็...."
แซ็คนึกถึงบันทึกของเจเนซิสที่เล่าว่าสักวันเขาจะมอบแอปเปิ้ลให้แก่วีรบุรุษของเขา ซึ่งก็คือเซฟิรอธ แต่ตอนนี้เขาทำได้เพียงเท่านี้ แซ็คกัดแอปเปิ้ลเข้าไปหนึ่งคำเจเนซิสก็ถามขึ้น "อร่อยไหมล่ะ?"
"ฮื่อ"
"ของขวัญแห่งเทพธิดา....."
"แอปเปิ้ลเนี่ยเหรอ?"
เจเนซิสส่ายหน้า
"เอ๋?"
"แองจีล..." เจเนซิสเหลือบมองไปที่ร่างของลาซาร์ดที่หมดลมหายใจไปแล้ว
"ความฝันของเขาเป็นจริงแล้วหละ"
ร่างของลาซาร์ดและมอนสเตอร์สลายไปราวกับอะไรบางอย่างได้ลุล่วงไปแล้ว แซ็คสังเกตเห็นจดหมายที่ผูกอยู่ที่ข้อเท้าของมอนสเตอร์ที่ร่วงลงมาก็หยิบ ขึ้นมาอ่าน
เธอสบายดีหรือเปล่า? อยากรู้จังว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?
มันผ่านไปสี่ปีแล้วนะ นี่เป็นจดหมายฉบับที่ 89 ที่ฉันส่งมา
แต่ตอนนี้ฉันไม่รู้จะส่งไปที่ไหนแล้ว
ฉันหวังจริงๆนะว่าจดหมายฉบับสุดท้ายนี้จะถึงมือเธอ
อ้อ ดอกไม้ขายดีทีเดียวหละ มันทำให้ทุกคนมีความสุขมากเลย
ขอบคุณมากนะแซ็ค
- แอริธ
"สี่ปีเรอะ?" แซ็คเพิ่งรู้ตัวว่าหลังจากเขาถูกนำตัวไปทดลองที่นีเบิ้ลไฮม์เวลาได้ผ่านไปถึงสี่ปีแล้ว
"ที่ว่าฉบับสุดท้ายนี่มันหมายความว่าไงกัน!?"
แซ็คตะโกนออกมาด้วยความรู้สึกอยากจะกลับไปสุดใจ เขาต้องการกลับไปเพื่อบอกให้แอริธรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่
"แอริธ คอยชั้นก่อนนะ"
แซ็คหอบคลาวด์ขึ้นบ่าแล้วหันไปพูดกับเจเนซิส "แกเองก็ต้องรอดกลับไปเหมือนกันนะ เข้าใจมั้ย?"
หลังแซ็คออกไปได้สักพักเฮลิคอปเตอร์ของชินระก็บินลงมา
"ต้องเป็นเรื่องสำคัญมากแน่ๆ เขาถึงได้ส่งพวกเราสองคนมา"
"คนๆนี้จะมาเป็นพี่ชายของพวกเรา"
"งั้นเหรอ?"
"เพียงแต่ว่า.... เขาจะยอมรับชะตากรรมนี้ได้หรือเปล่า?"
โซลเยอร์ระดับ 1st คลาสสองคนหอบเจเนซิสที่หมดสติไปอีกครั้งขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไป
แผ่นกระดาษที่บันทึกเลิฟเลสไว้ร่วงลงมาหนึ่งแผ่น แล้วไลฟ์สตรีมก็พัดมาจารึกตอนจบของเรื่องราวลงไป
แม้หนึ่งคำสัญญายามขึ้นฟ้าใหม่ตกล้วนแต่ไร้ค่า มิอาจมีสิ่งใดขวางกั้นการกลับมาของเรานี้
กลับมาดั่งหยาดน้ำค้างอันมอบความชื่นฉ่ำแก่ผืนดิน
กลับมาค้ำจุนผืนทราย, ผืนน้ำ, และผืนฟ้า
ขอท่านจงรับบรรณาการที่ข้าน้อมใจสละเหล่านี้
- LOVELESS
อีกด้านหนึ่งเส็งได้ออกคำสั่งให้ชิสเนย์รีบมาช่วยแซ็ค
"ชิสเนย์! กองทัพเคลื่อนไหวแล้ว รีบค้นหาเป้าหมายให้พบก่อนพวกนั้นเร็วเข้า!"
"ทราบแล้วค่ะ! กลัวว่าพวกกองทัพจะทำเกินกว่าเหตุสินะ"
"พาพวกเขากลับมาโดยที่ยังมีชีวิตอยู่นะ เข้าใจไหม? เธอต้องช่วยชีวิตแซ็ค!"
เส็งยอมเปิดเผยความในใจว่าคำสั่งครั้งนี้เขาไม่ได้ทำเพราะเป็นหน้าที่ แต่เขาต้องการให้แซ็ครอดชีวิตกลับมาจริงๆ ซึ่งชิสเนย์เองก็คิดแบบเดียวกัน
"แน่อยู่แล้ว ชั้นยังไม่ได้บอกชื่อจริงให้เขารู้เลย"
"ช่วยพวกเขาให้ได้นะชิสเนย์ ฉันมีจดหมายที่ต้องส่งให้แซ็ค 88 ฉบับ"
ทางด้านแซ็คและคลาวด์อยู่ระหว่างนั่งบนกระบะรถบรรทุกเล็กเพื่อเดินทางเข้ามิดการ์
"ล้อเล่นน่า ชั้นไม่ทำแบบนั้นกับนายหรอก ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่นะ"
ตอนนี้เรโนและรู้ดตามหาพวกแซ็คอยู่ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะพบ
"พูดเป็นเล่นไป นี่มันอย่างกับงมเข็มในมหาสมุทรเลยนะเนี่ย"
"ไม่มีภารกิจใดเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเรา..."
"...เติร์ก เออๆ รู้แล้วน่า"
"อืม... และเส็งก็มีอะไรจะมอบให้เขาด้วย" รู้ดพูดถึงจดหมาย 88 ฉบับที่เส็งต้องการส่งให้ถึงมือแซ็ค
"ให้ใคร? เป้าหมายน่ะเหรอ?"
"ฮื่อ"
"ตกลงเราเป็นคนส่งของไปแล้วเรอะ ต้องเอาของไปส่งให้ผู้หลบหนีเนี่ยนะ?"
ชิสเนย์ติดต่อผ่านวิทยุเข้ามา "เรโน รู้ด ทางนั้นเป็นไงบ้าง?"
"ไม่เจอเลย"
"แล้วเธอล่ะ?"
"เหมือนกัน ชั้นจะไปจุด 235 พวกเธอช่วยไปที่ 120 ทีนะ"
"รับทราบ"
"เอาล่ะ ไปกันเถอะ"
ตัดมาทางแซ็คอีกที เขาพาคลาวด์ลงจากรถบรรทุกมาหลังสังเกตเห็นกองทัพของชินระที่ไล่ตามพวกเขามา แซ็คพาคลาวด์มาหลบหลังก้อนหิน เขาลูบหัวคลาวด์แล้วเดินเข้าหากองพัน คลาวด์ที่สติเลือนลางเต็มทนมองเห็นเพียงแผ่นหลังที่กำลังเดินจากไป
"ชิสเนย์! กองทัพเคลื่อนไหวแล้ว รีบค้นหาเป้าหมายให้พบก่อนพวกนั้นเร็วเข้า!"
"ทราบแล้วค่ะ! กลัวว่าพวกกองทัพจะทำเกินกว่าเหตุสินะ"
"พาพวกเขากลับมาโดยที่ยังมีชีวิตอยู่นะ เข้าใจไหม? เธอต้องช่วยชีวิตแซ็ค!"
เส็งยอมเปิดเผยความในใจว่าคำสั่งครั้งนี้เขาไม่ได้ทำเพราะเป็นหน้าที่ แต่เขาต้องการให้แซ็ครอดชีวิตกลับมาจริงๆ ซึ่งชิสเนย์เองก็คิดแบบเดียวกัน
"แน่อยู่แล้ว ชั้นยังไม่ได้บอกชื่อจริงให้เขารู้เลย"
"ช่วยพวกเขาให้ได้นะชิสเนย์ ฉันมีจดหมายที่ต้องส่งให้แซ็ค 88 ฉบับ"
ทางด้านแซ็คและคลาวด์อยู่ระหว่างนั่งบนกระบะรถบรรทุกเล็กเพื่อเดินทางเข้ามิดการ์
"ล้อเล่นน่า ชั้นไม่ทำแบบนั้นกับนายหรอก ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่นะ"
ตอนนี้เรโนและรู้ดตามหาพวกแซ็คอยู่ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะพบ
"พูดเป็นเล่นไป นี่มันอย่างกับงมเข็มในมหาสมุทรเลยนะเนี่ย"
"ไม่มีภารกิจใดเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเรา..."
"...เติร์ก เออๆ รู้แล้วน่า"
"อืม... และเส็งก็มีอะไรจะมอบให้เขาด้วย" รู้ดพูดถึงจดหมาย 88 ฉบับที่เส็งต้องการส่งให้ถึงมือแซ็ค
"ให้ใคร? เป้าหมายน่ะเหรอ?"
"ฮื่อ"
"ตกลงเราเป็นคนส่งของไปแล้วเรอะ ต้องเอาของไปส่งให้ผู้หลบหนีเนี่ยนะ?"
ชิสเนย์ติดต่อผ่านวิทยุเข้ามา "เรโน รู้ด ทางนั้นเป็นไงบ้าง?"
"ไม่เจอเลย"
"แล้วเธอล่ะ?"
"เหมือนกัน ชั้นจะไปจุด 235 พวกเธอช่วยไปที่ 120 ทีนะ"
"รับทราบ"
"เอาล่ะ ไปกันเถอะ"
ตัดมาทางแซ็คอีกที เขาพาคลาวด์ลงจากรถบรรทุกมาหลังสังเกตเห็นกองทัพของชินระที่ไล่ตามพวกเขามา แซ็คพาคลาวด์มาหลบหลังก้อนหิน เขาลูบหัวคลาวด์แล้วเดินเข้าหากองพัน คลาวด์ที่สติเลือนลางเต็มทนมองเห็นเพียงแผ่นหลังที่กำลังเดินจากไป
ทหารนับหมื่นพันเข้าล้อมแซ็คไว้มืดฟ้ามัวดินพร้อมอาวุธที่ขนมาหมดคลัง
"โธ่เอ๊ย... อิสรภาพนี่ราคาแพงจังนะ"
แซ็คชักบัสเตอร์ซอร์ดออกมาเทอดไว้
"จงโอบล้อมความฝันเอาไว้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอจงปกป้องเกียรติภูมิของโซลเยอร์! ....เข้ามาเล้ย!!"
"โธ่เอ๊ย... อิสรภาพนี่ราคาแพงจังนะ"
แซ็คชักบัสเตอร์ซอร์ดออกมาเทอดไว้
"จงโอบล้อมความฝันเอาไว้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอจงปกป้องเกียรติภูมิของโซลเยอร์! ....เข้ามาเล้ย!!"
FIGHT Shinra Army (Infinite Troops)
การต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเกมนี้ ปกติศึกสุดท้ายหลังสู้บอสใหญ่ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตอนจบมักเป็นศึกที่เราไม่มีวันแพ้ แต่สำหรับ Crisis Core นี่คือศึกที่แซ็คไม่มีวันชนะ แซ็คจะต้องสู้กับ Shinra Troop และ Captain ที่ออกมาเรื่อยๆอย่างไม่สิ้นสุด พวกนี้มีปืนกลและยังมีมิสไซล์ที่ยิงจากคอปเตอร์ด้านหลังซึ่งมีความรุนแรงมาก แม้จะกำจัดทหารไปกี่พันนายพวกมันก็ยังคงทยอยเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆไม่สิ้นสุด
เมื่อพลังชีวิตแซ็คลดลงถึงขีดอันตราย DMW จะหมุนเอาภาพความทรงจำเรื่องชิสเนย์ เส็ง และเซฟิรอธขึ้นมา แล้วภาพของทั้งสามคนก็หายไปด้วยสติของแซ็คที่ค่อยๆเลือนลงไป แต่เขาก็ยืดหยัดสู้ต่อ จนกระทั่งพลังชีวิตหมดลง (เหลือ HP1 และจะไม่ลดเป็น 0) ภาพของแองจีล คลาวด์ และแอริธจะหมุนขึ้นมา
ตลอดมาความทรงจำของทุกคนเป็นแรงผลักดันให้แซ็คต่อสู้อยู่ได้โดยไม่ท้อถอย แต่ตอนนี้แม้แต่ความส่งจำเหล่านั้นก็แตกสลายไปหมดแล้ว ในที่สุดภาพของคลาวด์และแองจีลก็หายไป...
"ฮัลโหล"
แต่เสียงนั้นยังคงก้องอยู่ในหัวเขา แซ็คใช้พลังหมดทั้งชีวิตยื้อการต่อสู้แม้ไม่เห็นทางชนะ คิดแต่เพียงว่าเขายังตายตอนนี้ไม่ได้ เช่นเดียวกับเจเนซิสที่มีหน้าที่สำคัญที่ต้องสานต่อ ทำให้เขายอมปล่อยให้การต่อสู้ของตนเองมาปิดฉากลงแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด
เมื่อพลังชีวิตแซ็คลดลงถึงขีดอันตราย DMW จะหมุนเอาภาพความทรงจำเรื่องชิสเนย์ เส็ง และเซฟิรอธขึ้นมา แล้วภาพของทั้งสามคนก็หายไปด้วยสติของแซ็คที่ค่อยๆเลือนลงไป แต่เขาก็ยืดหยัดสู้ต่อ จนกระทั่งพลังชีวิตหมดลง (เหลือ HP1 และจะไม่ลดเป็น 0) ภาพของแองจีล คลาวด์ และแอริธจะหมุนขึ้นมา
ตลอดมาความทรงจำของทุกคนเป็นแรงผลักดันให้แซ็คต่อสู้อยู่ได้โดยไม่ท้อถอย แต่ตอนนี้แม้แต่ความส่งจำเหล่านั้นก็แตกสลายไปหมดแล้ว ในที่สุดภาพของคลาวด์และแองจีลก็หายไป...
"ฮัลโหล"
แต่เสียงนั้นยังคงก้องอยู่ในหัวเขา แซ็คใช้พลังหมดทั้งชีวิตยื้อการต่อสู้แม้ไม่เห็นทางชนะ คิดแต่เพียงว่าเขายังตายตอนนี้ไม่ได้ เช่นเดียวกับเจเนซิสที่มีหน้าที่สำคัญที่ต้องสานต่อ ทำให้เขายอมปล่อยให้การต่อสู้ของตนเองมาปิดฉากลงแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด
การต่อสู้ดำเนินไปนานแสนนานจนฟ้ามืดลงอีกครั้ง เหล่าทหารนับพันตายเกลื่อนสมรภูมิ แซ็คพยุงร่างอันบอบช้ำแสนสาหัสเข้าสู้กับทหารสามคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ (ฉากสู้ในตอนนี้แซ็คจะเคลื่อนไหวช้ามาก และทหารทั้งสามคนนี้มีพลังชีวิตไม่จำกัด) สู้ไปสักพักแซ็คจะหมดแรงเฮือกสุดท้ายล้มลง ก่อนจะถูกยิงซ้ำ
"ฮัลโหล~"
"...เธ.ไม่ช.บสลัมเห.อ..."
"...เดท..รอ? พูด.ป็นเล่น..."
".....ฉันมีค.ามปรา..นาเล็กๆ......"
"ฉันจะคอยอยู่ที่นี่นะ"
.....
แล้วความทรงจำสุดท้ายของแอริธก็หายไป
ฝนตกทะลุหลังคาโบสถ์ลงมายังแปลงดอกไม้ แอริธรับรู้ได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอแหงนมองขึ้นไปบนฟ้าแล้วเริ่มสวดภาวนา ทันใดนั้นแอริธก็สังหรณ์ถึงเรื่องที่ร้ายแรงมาก
กลับมาทางด้านแซ็คนอนจมกองเลือดกลางสายฝนโปรยปราย ตอนนี้พวกทหารกลับไปหมดแล้วหลังปฏิบัติภารกิจกำจัดผู้หลบหนีลุล่วง คลาวด์ที่เพิ่งฟื้นสติขึ้น พยุงร่างตัวเองออกมาจากหลังหินเข้ามาหาแซ็คที่กำลังจะตาย
"แซ็ค...."
"เพื่อพวกเรา...ทั้งสองคน..."
"ทั้งสองคนเหรอ?...."
"ใช่.... นายจะต้อง... นายจะต้อง...."
แซ็คนำหัวคลาวด์มาแนบลงบนหัวใจของเขา
"...มีชีวิตอยู่... เป็นตัวแทนการคงอยู่ของชั้น.... เกียรติภูมิของชั้น... ความฝันของชั้น... ขอมอบให้นายทั้งหมด"
แซ็คยื่นบัสเตอร์ซอร์ดให้แก่คลาวด์
"ชั้นคือตัวแทนการคงอยู่ของนาย...."
แซ็คยิ้มแล้วหลับตาลง คลาวด์ตะโกนออกมาอย่างเจ็บปวดที่เพื่อนที่เขารักและนับถือต้องตายไปต่อหน้า
<เพลง Why บรรเลงขึ้น>
ภาพความทรงจำเก่าๆผุดขึ้นในหัวคลาวด์ตั้งแต่ตอนที่เขาพบแซ็คครั้งแรกที่ ภูเขาหิมะ, ตอนที่แซ็คคอยให้กำลังใจให้คลาวด์เป็นโซลเยอร์ให้ได้, จนถึงตอนที่แซ็คเดินจากไป
ฝนหยุดลง แล้วแสงสว่างก็ส่องลงมาในที่สุด
จงโอบล้อมความฝันไว้ หากนายต้องการเป็นวีรบุรุษ นายจะต้องมีความฝัน
"ขอบใจนะ ชั้นจะจดจำไว้ตลอดไป ...หลับให้สบายนะแซ็ค..."
หลังพูดจบคลาวด์ออกเดินทางจากไป ต่อจากนี้ไปเขาจะต้องใช้ชีวิตทดแทนทั้งส่วนของแซ็คและตัวเขาเอง เมื่อแซ็คได้สานต่อเจตนารมณ์ไปยังคลาวด์แล้วพันธะของเขาในโลกนี้ก็หมดลง
เธอคนนั้น.... เคยบอกว่าเธอหวาดกลัวท้องฟ้า
นี่สินะ อิสรภาพ
แองจีลบินลงมารับแซ็คเพื่อออกเดินทางไปด้วยกัน
หลังพูดจบคลาวด์ออกเดินทางจากไป ต่อจากนี้ไปเขาจะต้องใช้ชีวิตทดแทนทั้งส่วนของแซ็คและตัวเขาเอง เมื่อแซ็คได้สานต่อเจตนารมณ์ไปยังคลาวด์แล้วพันธะของเขาในโลกนี้ก็หมดลง
เธอคนนั้น.... เคยบอกว่าเธอหวาดกลัวท้องฟ้า
นี่สินะ อิสรภาพ
แองจีลบินลงมารับแซ็คเพื่อออกเดินทางไปด้วยกัน
ปีกนั่น... ชั้นเองก็ต้องการมันเหมือนกัน
รู้สึกดีจริงๆ
แซ็คฝากคำพูดถึงคลาวด์ที่กำลังเดินทางไปยังมิดการ์ก่อนเดินทางไปสู่อิสระภาพ
ถ้าเจอแอริธฝากทักทายเธอแทนชั้นด้วยนะ
นี่ ชั้นเป็นวีรบุรุษแล้วใช่มะ?
<Staff Roll>
เมื่อหนึ่งเรื่องราวจบลงก็ย่อมมีอีกหนึ่งเรื่องราวใหม่เริ่มต้นขึ้นมา...
ภายในเมืองมิดการ์ สาวขายดอกไม้ยังคงออกเติมเต็มสีสันให้แก่เมืองไร้ชีวิตแห่งนี้ต่อไป
ขณะเดียวกัน เด็กหนุ่มชื่อคลาวด์ได้สะพายบัสเตอร์ซอร์ดเล่มโตอยู่บนหลังคารถไฟ ตอนนี้เขาใช้ชีวิตอยู่ในฐานะตัวแทนการคงอยู่ของแซ็ค
"ชั้นชื่อคลาวด์ เป็น 1st คลาส โซลเยอร์"
TO BE CONTINUED IN FINAL FANTASY VII
หลังจากจบเกมแล้วจะมีอ๊อพชั่นสำหรับเซฟเกม เมื่อเซฟแล้วจะกลับไปเริ่มใหม่เป็น New Game+ เราสามารถเลือกโหมด Normal/Hard อีกครั้งแล้วเริ่มเล่นตั้งแต่แรกโดยมีเลเวล, stat, EXP, SP, เงิน, ไอเท็ม (ยกเว้นคีย์ไอเท็ม), อุปกรณ์, มาทีเรีย, รวมทั้ง %DMW เท่ากับตอนจบเกม (แต่ต้องปลดล็อค DMW ใหม่) สำหรับมิชชั่นที่เคลียร์ไปแล้วจะต้องทำใหม่